วันที่ 11 พฤษภาคม 2565 เว็บไซต์ นสพ.The Guardian ของอังกฤษ เสนอข่าว Lifting zero-Covid policies in China could risk 1.6m deaths, says study อ้างผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฟูตัน เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ระบุว่า หากทางการจีนยกเลิกนโยบาย “ซีโร่ โควิด (Zero COVID)” หรือแผ่นดินปลอดโควิด ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน อันประกอบด้วยการปิดเมืองและคัดแยกบุคคลเพื่อกกักกันโรคอย่างเข้มงวด อาจทำให้แดนมังกรมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 112 ล้านคน ในจำนวนนี้ต้องเข้าโรงพยาบาล 5 ล้านคน และเสียชีวิต 1.55 ล้านราย
งานวิจัยชิ้นนี้ชี้ว่า การระดมฉีดวัคซีนในเดือน มี.ค. 2565 ยังไม่ทำให้ระดับภูมิคุ้มกันสูงพอจะป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์สายโอมิครอน ส่งผลให้เกินขีดความสามารถในการดูแลผู้ป่วยวิกฤติ โดยคาดการณ์ความต้องการการดูแลผู้ป่วยหนักอยู่ที่ 15.6 เท่าของศักยภาพที่มีอยู่ แต่ด้วยวัคซีน ยาต้านไวรัส และมาตรการอื่นๆ ที่ไม่ใช่การใช้ยารักษาโรค สามารถป้องกันไม่ให้งานของฝ่ายสาธารณสุขล้นมือได้ ปัจจัยเหล่านี้น่าจะสำคัญมากขึ้นสำหรับนโยบายในอนาคต
ทางการจีนจะพยายามสื่อสารว่า นโยบายซีโร่โควิดยังคงใช้ได้ผลแม้กับไวรัสที่ระบาดได้ง่ายขึ้น เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณะสุขยืนยันว่ายังไม่สามารกลับมาเปิดได้ใหม่ในขณะนี้ เนื่องจากการฉีดวัคซีนยังไม่ครอบคลุมเพียงพอ และระบบสาธารณสุขทั่วประเทศก็ไม่ได้มีทรัพยากรมากเสมอกัน อนึ่ง นอกจากเหตุผลด้านสาธารณสุขที่ผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องต้องกันแล้ว ยังมีเรื่องของการเมือง เนื่องจากที่ผ่านมา รัฐบาลจีนสนับสนุนนโยบายนี้อย่างมากจนไม่มีทางออก หรือก็คือไม่อาจยอมรับความล้มเหลวได้
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะลดลง แต่ก็ยังกระจายตัวในหลายมณฑล ในวันที่ 11 พ.ค. 2565 พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 1,905 คน ในจำนวนนี้มีอาการป่วย 302 คน ส่วนใหญ่พบในเมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์มาแล้วกว่า 2 เดือน ขณะที่เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2565 ทางการจีนออกแนวปฏิบัติสำหรับผู้ติดเชื้อที่ต้องการกักตัวอยู่ในบ้านของตนเอง ว่า ต้องเป็นบ้านที่มีระบบระบายอากาศและน้ำที่ไม่ปนเปื้อนครัวเรือนอื่นๆ มีการแยกห้องน้ำ-ห้องนอน และความสามารถในการดูแลตนเอง ซึ่งสอดคล้องกับแนวปฏิบัติเรื่องนี้ของประเทศอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ช่องทางที่จะให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่มีอาการ รวมถึงผู้สัมผัสใกล้ชิดบางส่วนสามารถกักตัวที่บ้านได้ ทำให้เกิดข้อถกเถียงในหมู่นักระบาดวิทยาและบุคลากรสาธารณสุข ยิ่งไปกว่านั้น การบังคับใช้ในระดับพื้นที่ยังตรงข้ามกับแนวปฏิบัติ โดยเฉพาะในเมืองเซี่ยงไฮ้ ภายหลังจากสุนทรพจน์ของ สีจิ้นผิง (Xi Jinping) ผู้นำสูงสุดของจีน เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งยังคงยึดมั่นนโยบายซีโร่โควิดต่อไป การบังคับใช้มาตรการในเมืองดูจะยิ่งเข้มงวดขึ้นอีก
สื่อสังคมออนไลน์ของจีน มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอจำนวนมาก ว่าด้วยบุคลากรด้านสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดป้องกันเต็มรูปแบบ คอยตรวจตราและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น พร้อมกับความคิดเห็นเชิงวิพากษ์วิจารณ์ อาทิ มีการนำตัวผู้ที่อยู่สถานที่เดียวกันหรือพักอาศัยชั้นเดียวกันกับผู้ติดเชื้อเข้าสถานกักกันโรค ซึ่งทางการของเมืองเซี่ยงไฮ้ ชี้แจงเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2565 ว่า เจ้าหน้าที่กำลังประเมินและตัดสินใจเป็นกรณีไป
ชาวจีนรายหนึ่งมองว่า นโยบายคือนโยบาย แต่การปฏิบัติเป็นอีกแบบหนึ่ง ทั้ง 2 เรื่องแยกจากกัน ส่วนอีกคนหนึ่ง เล่าว่า พ่อแม่ของแฟนสาวถูกพาตัวไปและมีการปิดกั้นบริเวณที่พักอาศัยของครอบครัวดังกล่าว ทั้งๆ ที่ครอบครัวนี้ไมได้อยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อในบริเวณใกล้เคียง โดยพ่อแม่ของแฟนสาวนั้นเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนมานานถึง 40 ปี พวกเขาทำอะไรไมได้นอกจากร้องไห้ และไม่รู้ว่านโยบายมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหรือไม่
รายงานข่าวทิ้งท้ายด้วยความเห็นของ ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส (Tedros Adhanom Ghebreyesus) ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2565 ว่า นโยบายซีโร่โควิดของจีนไม่ยั่งยืนเมื่อพิจารณาจากพฤติกรรมของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่ง WHO ได้หารือกับผู้เชี่ยวชาญในจีนแล้ว ตนคิดว่าการเปลี่ยนแปลงสำคัญมาก
-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-
ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.theguardian.com/world/2022/may/11/lifting-zero-covid-policies-in-china-could-risk-16m-deaths-says-study
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
https://www.naewna.com/inter/652764 ‘เว่ยป๋อ’ลบโพสต์เพจ‘UN’ในจีน แชร์ความเห็นผอ.อนามัยโลก วิจารณ์‘ซีโร่โควิด’นโยบายไม่ยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี