โตเกียว (เอพี/รอยเตอร์ส/เอ็นเอชเค) - ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐเปิดตัวกรอบเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิกเพื่อความรุ่งเรือง (Indo-Pacific Economic Framework for Prosperity หรือ IPEF) โดยให้สมาชิก 13 ประเทศที่มีไทยรวมอยู่ด้วยเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องแนวทางการปฏิบัติตามข้อตกลง และเรื่องจะให้จีนเข้าร่วมกลุ่มด้วยหรือไม่
ประธานาธิบดีไบเดนเปิดตัวเรื่องนี้ที่กรุงโตเกียวของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 23 พ.ค. ซึ่งเป็นการเยือนเอเชียครั้งแรกตั้งแต่รับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม 2564 โดยโฆษกทำเนียบขาวสหรัฐฯ แถลงว่า กรอบเศรษฐกิจนี้จะไม่มีเรื่องการช่วยเหลือด้านภาษีหรือการเข้าถึงตลาด แต่จะปูทางไปสู่ประเด็นสำคัญตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไปจนถึงความยืดหยุ่นด้านห่วงโซ่อุปทานและการค้าดิจิทัล
จินา เรมอนโด รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวว่า การเปิดตัวเรื่องนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะกลับมาเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และให้ประเทศในภูมิภาคนี้มีทางเลือกในประเด็นสำคัญเหล่านี้ นอกเหนือไปจากแนวทางแบบจีน ขณะที่คณะเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยว่า ประธานาธิบดีไบเดนต้องการให้ข้อตกลงนี้ช่วยยกระดับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม แรงงาน และอื่นๆ ทั่วเอเชีย อย่างไรก็ดี เนื้อหาข้อตกลงจะต้องเป็นการเจรจาระหว่างประเทศที่เข้าร่วมในเบื้องต้นทั้งหมด 13 ประเทศ ประกอบด้วย ออสเตรเลีย บรูไน อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย เวียดนามและสหรัฐฯ ประเทศเหล่านี้ต้องเจรจากันเรื่องประเด็นที่ต้องการสร้างมาตรฐาน วิธีการปฏิบัติการต้องขอสัตยาบันจากรัฐสภาในประเทศหรือไม่ และการพิจารณารับสมาชิกใหม่ในอนาคต
ด้าน หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกกลุ่มนี้ แถลงว่า จีนยินดีหากจะมีความริเริ่มเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในภูมิภาค แต่คัดค้านความพยายามสร้างความแตกแยกและเผชิญหน้า เอเชีย-แปซิฟิกควรเป็นพื้นที่สำหรับการพัฒนาอย่างสันติ ไม่ใช่สนามต่อสู้ด้านภูมิรัฐศาสตร์ ขณะที่ เจค ซัลลิแวนที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เผยกับสื่อว่า ไต้หวันจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของกรอบเศรษฐกิจนี้ แต่สหรัฐฯ จะหาทางกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับไต้หวันต่อไป
ส่วนการพบหารือระหว่างไบเดนกับนายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่นก่อนหน้านั้น ไบเดนบอกว่าความเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นคือรากฐานแห่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก สหรัฐฯ จะยังคงให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในด้านการปกป้องประเทศของญี่ปุ่น ผู้นำสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นหารือเกี่ยวกับแผนขยายขีดความสามารถทางทหารของญี่ปุ่นเพื่อรับมือกับจีนที่ขยายอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ ย้ำจุดยืนร่วมกันต่อเรื่องรัสเซียบุกโจมตียูเครนว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังเปลี่ยนแปลงสถานภาพปัจจุบันแต่เพียงฝ่ายเดียว รวมทั้งหารือประเด็นเกาหลีเหนือและประเด็นอื่นๆ ในระดับภูมิภาค หลังจากนั้น ประธานาธิบดีไบเดนได้เดินทางไปพบกับครอบครัวชาวญี่ปุ่นที่ถูกลักพาตัวไปฝึกเป็นสายลับในเกาหลีเหนือเมื่อหลายปีก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี