โคลัมโบ/สิงคโปร์ (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - ประธานรัฐสภาศรีลังกา ยอมรับการลาออกของประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา แล้ว หลังจากเขาเดินทางออกนอกประเทศไปยังสิงคโปร์เพื่อหลบหนีการลุกฮือของประชาชน ภายหลังจากศรีลังกาประสบภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจเลวร้ายที่สุดในรอบ 70 ปี จากการบริหารประเทศอย่างผิดพลาดของเขา

ประธานรัฐสภากล่าวว่า จากจุดนี้ศรีลังกาจะเดินหน้าตามแนวทางของรัฐธรรมนูญในการแต่งตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งกระบวนการจะรวดเร็วและเป็นผลสำเร็จ และเขาขอให้ทุกคนสนับสนุนกระบวนการนี้ และหวังว่า กระบวนการคัดเลือกประธานาธิบดีคนใหม่จะเสร็จสิ้นภายใน 7 วัน และรัฐสภาจะกลับมาเปิดประชุมในวันเสาร์ สำหรับวาระการประชุมในช่วงสุดสัปดาห์นี้จะกำหนดในวันศุกร์

ล่าสุด นายรานิล วิกรมสิงเห สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีรักษาการของศรีลังกา หลังปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีควบตำแหน่งดังกล่าวมาตั้งแต่นายโกตาบายา หลบหนีไปมัลดีฟส์เมื่อเช้าตรู่วันพุธที่ 13 ก.ค. โดยใช้อำนาจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและคำสั่งเคอร์ฟิว เพื่อควบคุมสถานการณ์วุ่นวายทางการเมือง และให้กองทัพใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อกอบกู้คืนเสถียรภาพในประเทศ จนประชาชนลุกฮือเดินขบวนไปประท้วงที่หน้าทำเนียบนายกรัฐมนตรีและอาคารรัฐสภาจนเกิดปะทะกับตำรวจปราบจลาจล ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ศพ บาดเจ็บ 84 คน

นายราชปักษาเดินทางถึงสิงคโปร์ วันที่ 15 ก.ค. หลังจากที่ใช้เครื่องบินของกองทัพอากาศบินจากกรุงโคลัมโบไปยังมัลดีฟส์ เมื่อวันพุธ พร้อมด้วยภรรยาและองครักษ์ 2 คน เขาส่งอีเมลจดหมายลาออกให้ประธานรัฐสภาหลังจากเดินทางถึงสิงคโปร์เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่จดหมายต้นฉบับส่งถึงประธานรัฐสภาในเวลาต่อมา รัฐบาลมัลดีฟส์ ยืนยันว่า อนุญาตให้เครื่องบินของกองทัพอากาศศรีลังกาที่นำนายโกตาบายาและภรรยาลงจอดเพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศอื่น ส่วนโฆษกกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า นายราชปักษาเดินทางมาเยือนสิงคโปร์เป็นการส่วนตัว ไม่ได้ขอลี้ภัยและไม่ได้อนุญาตให้ลี้ภัยแต่อย่างใด

การประกาศเรื่องจดหมายลาออกของประธานาธิบดี สร้างความยินดีให้กับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงโคลัมโบ นครหลวงที่ผู้ประท้วงจำนวนมากไปรวมตัวกันด้านนอกสำนักงานเลขาธิการประธานาธิบดี โดยไม่สนใจคำสั่งห้ามออกนอกเคหสถาน หรือ เคอร์ฟิว ประชาชนจุดประทัด ร้องตะโกนคำขวัญ และเต้นรำกันอย่างเต็มที่ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองคนหนึ่งกล่าวว่า ทั่วประเทศจะฉลองร่วมกันในวันศุกร์ ซึ่งเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ เพราะไม่คิดว่าจะสามารถทำให้ประเทศเป็นอิสระพ้นจากนายราชปักษาได้ หลังจากที่ตระกูลราชปักษามีอำนาจทางการเมืองในศรีลังกามายาวนานกว่า 2 ทศวรรษ