มอสโก/สหประชาชาติ (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส) - รัสเซียปฏิเสธคำกล่าวหาว่า ขู่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์กับยูเครน เตือนประเทศตะวันตกอย่าคิดทดสอบความแน่วแน่ของรัสเซีย ในระหว่างการประชุมทบทวนสนธิสัญญาไม่แพร่กระจายนิวเคลียร์ พร้อมกล่าวหาเป็นครั้งแรกว่า สหรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามในยูเครนโดยตรงแล้ว

อเล็กซานเดอร์ โทรฟิมอฟ ผู้แทนรัสเซียประจำสหประชาชาติ หรือยูเอ็น กล่าวในที่ประชุมทบทวนสนธิสัญญาไม่แพร่กระจายนิวเคลียร์ ที่สำนักงานใหญ่ยูเอ็นในนครนิวยอร์ก ปฏิเสธคำกล่าวหาที่ว่า รัสเซียขู่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์กับยูเครน ว่า เป็นการคาดเดาที่ปราศจากความจริงและยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง เป็นไปได้ว่าน่าจะเป็นการจงใจเติมเชื้อไฟเพื่อกระพือกระแสต่อต้านรัสเซีย โทรฟิมอฟระบุว่า ภาษาที่รัสเซียใช้ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นภาษาปกติ และเป็นผลมาจากพฤติกรรมเผชิญหน้าและถ้อยแถลงที่ยั่วยุ ที่มาจากบรรดาประเทศมหาอำนาจนิวเคลียร์ตะวันตกที่บ่งบอกความเป็นไปได้ว่า องค์การนาโตจะเข้าแทรกแซงด้วยการใช้ปฏิบัติการทางทหารในยูเครน เพื่อต่อต้านรัสเซีย

โทรฟิมอฟระบุต่อไปว่า อย่าลืมว่ามีเพียงประเทศเดียวในโลกนี้เท่านั้น ที่เคยใช้อาวุธนิวเคลียร์จริงๆ นั่นคือสหรัฐฯ ที่ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใส่ฮิโรชิม่าและนางาซากิพร้อมกับเตือนประเทศตะวันตกว่า อย่าคิดทดสอบความแน่วแน่ของรัสเซีย เพราะรัสเซียจะไม่ยอมจำนน นอกจากนี้ ผู้แทนรัสเซียประจำยูเอ็นยังกล่าวหายูเครนว่า ยูเครนต่างหาก ที่ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่รับผิดชอบตามข้อตกลงบูดาเปสต์ มาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว โดยเฉพาะในบทที่ว่าด้วยการต่อต้านลัทธิชาตินิยมและความคลั่งชาติที่ก้าวร้าวที่กำลังเพิ่มขึ้นในยูเครน

ในอีกด้านหนึ่ง พลตรีอิกอร์โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมของรัสเซียได้กล่าวหาว่า สหรัฐฯ เข้าไปร่วมรบในสงครามยูเครนโดยตรงแล้ว ด้วยการกำหนดเป้าหมายการยิงสำหรับระบบอาวุธ ฮีมาส ที่สหรัฐฯ ส่งมอบให้ยูเครนให้กับกองกำลังยูเครน แต่รัสเซียสามารถตรวจจับการติดต่อสื่อสารระหว่างสองฝ่ายไว้ได้ นอกจากนั้น พลตรีโคนาเชนคอฟ ยังได้กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เป็นผู้ต้องรับผิดชอบโดยตรงกับการโจมตีพื้นที่อาศัยของพลเรือนทางตะวันออกของยูเครนซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

สำหรับระบบ ฮีมาส นี้ เป็นระบบจรวจหลายลำกล้องที่มีความแม่นยำสูง ในพิสัยทำการ 70 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะที่ไกลกว่า และแม่นยำกว่าอาวุธที่ยูเครนมีอยู่เดิม โดยทางกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ชี้แจงตอบโต้ว่า สหรัฐฯ เพียงแต่มอบข้อมูลสำคัญให้กับยูเครนเพื่อให้รู้ถึงภัยอันตรายและป้องกันตัวเองจากการรุกรานของรัสเซียเท่านั้น