สหรัฐฯอ่วมฝีดาษลิง
ป่วยรายวันสถิติใหม่1.4พันคน
‘แคนาดา’ติดเชื้อเพิ่มทะลุ1พัน
ยอดผู้ป่วยฝีดาษลิงในสหรัฐฯพุ่งพรวดเป็นสามเท่าในระยะ 15 วัน โดยตรวจพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 1,424 ราย ซึ่งถือเป็นสถิติรายวันที่สูงที่สุด ขณะที่ประเทศใกล้เคียงอย่าง แคนาดา พบผู้ป่วยใหม่ทะลุ พันราย ส่วนสถานการณ์ในประเทศไทย ขณะนี้ได้ตัวอย่างเลือดคนไทยที่เคยปลูกฝีดาษแล้ว กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เตรียมทดสอบกับเชื้อฝีดาษลิงแบบเป็นๆ ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อยังคงที่4รายตามเดิม
เมื่อวันที่ 11สิงหาคม สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ยอดผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง(Monkeypox) ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นสามเท่าในเวลาเพียง 15 วัน ขณะศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) ตรวจพบผู้ป่วยเพิ่มอีก 1,424 ราย เมื่อวันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม ซึ่งนับเป็นสถิติรายวันสูงสุดตั้งแต่สหรัฐฯ เผชิญการระบาดของโรคฝีดาษลิงในเดือนพฤษภาคม สหรัฐฯ ยืนยันพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงสะสมมากที่สุดในโลกที่ 8,934 ราย เมื่อนับถึงวันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม และมีแนวโน้มว่าตัวเลขนี้อาจต่ำกว่าความเป็นจริงเนื่องจากไม่มีการตรวจโรคอย่างทั่วถึง
จำนวนผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงที่ยืนยันผลในสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนเกือบร้อยละ 30 ของยอดรวมผู้ป่วยทั้ง 30,189 รายทั่วโลก แม้สหรัฐฯ มีประชากรน้อยกว่าร้อยละ 5 ของประชากรโลก โดยคณะผู้เชี่ยวชาญคาดว่าการระบาดครั้งนี้จะทวีความรุนแรงในไม่ช้า ขณะปีการศึกษาใหม่ใกล้เริ่มต้นอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าแล้ว
เมื่อวันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา นิตยสารฟอร์จูน (Fortune) อ้างอิง ดร. อเล็กซานดรา บรูกเลอร์ ยอนต์ส ผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อประจำโรงพยาบาลเด็กแห่งชาติในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุว่าโรคฝีดาษลิงมีโอกาสแพร่ระบาดในสถานรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียน วิทยาเขตของวิทยาลัย เรือนจำ และสถานที่อื่นๆ ที่คล้ายคลึงกันอย่างแน่นอน พร้อมทั้งเผยความคาดหวังว่าสหรัฐฯ จะสามารถควบคุมการระบาดของโรคฝีดาษลิงในระดับท้องถิ่นได้มากขึ้น แม้เธอคิดว่ามันจะระบาดมากกว่าเดิม เนื่องจากผู้คนยังคงเดินทาง เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ และโรงเรียนจะเริ่มเปิดเรียนอีกไม่นานนี้ โดยตอนนี้สหรัฐฯ พบผู้ป่วยในเกือบทุกรัฐแล้ว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ฯ เผยกับผู้สื่อข่าวว่าทางการได้ประมาณการว่าชายในสหรัฐฯ ราว 1.7 ล้านคนที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกันกำลังเผชิญความเสี่ยงจากโรคฝีดาษลิงมากที่สุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักงานสาธารณสุขแคนาดา (PHAC) รายงานยอดผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงสะสมอยู่ที่ 1,008 ราย เมื่อนับถึงวันพุธที่ 10 สิงหาคม ซึ่งแบ่งเป็นผู้ป่วยจากรัฐออนแทรีโอ 478 ราย รัฐควิเบก 425 ราย รัฐบริติชโคลัมเบีย 85 ราย รัฐอัลเบอร์ตา 16 ราย และรัฐซัสแคตเชวันและเขตแดนยูคอนอีกแห่งละ 2 ราย ซึ่งจำนวนผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงอาจมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากรัฐและเขตแดนได้รับผลตรวจโรคยืนยันจากห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยาแห่งชาติของสำนักงานฯ อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันสำนักงานฯ ได้จัดส่งวัคซีนอิมวามูนมากกว่า 80,000 โดส ไปยังบรรดารัฐและเขตแดน รวมทั้งสนับสนุนการทดสอบแบบกระจายศูนย์ด้วยการจัดเตรียมอุปกรณ์ควบคุมและกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ สำหรับพันธมิตรห้องปฏิบัติการทั่วประเทศ
ทั้งนี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญระบุว่าโรคฝีดาษลิงเป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่สามารถแพร่ระบาดจากคนสู่คนผ่านการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ซึ่งรวมถึงการกอด จูบ นวด หรือมีเพศสัมพันธ์
ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมการแพทย์ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์โรคฝีดาษวานรหรือฝีดาษลิงว่า ขณะนี้ผลการตรวจเชื้อในรายที่เป็นชาวต่างชาติ จ.ตราด โดยเก็บตัวอย่างจากแผล ผลเป็นลบและผู้สัมผัสใกล้ชิดก็ไม่มีใครติดเชื้อ รวมถึงอีกรายที่มีข่าวว่าอยู่จังหวัดทางภาคอีสาน ก็ให้ผลลบเช่นกัน ดังนั้น ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงรวม 4 ราย ยังไม่มีพบเพิ่ม เมื่อถามถึงความคืบหน้าการตรวจวัดระดับภูมิคุ้มกันของผู้ที่เคยได้รับการปลูกฝีดาษ(Smallpox) กับโรคฝีดาษลิงที่เป็นไวรัสในปัจจุบัน นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ตัวอย่างแต่ละกลุ่มที่เราเจาะเลือดเพื่อนำมาตรวจวัดระดับภูมิคุ้มกัน มีไม่เยอะ คือ กลุ่มอายุ 40 ,50 และ 60 ปีขึ้นไป จำนวนกลุ่มละ 10 คน โดยมีการร่วมกับทาง รพ.ศิริราช ที่ก็ช่วยเก็บตัวอย่างเลือดมาให้เราตรวจ อย่างไรก็ตาม มีการทยอยเก็บตัวอย่างเลือดต่อเนื่อง ขอให้อดใจรอผลระยะหนึ่ง
“หากเราได้ตัวอย่างเลือดมาซัก 40 คน ปรากฎว่าผลใกล้เคียงกันมากในทางวิทยาศาสตร์ เช่นบอกว่าฉีดวัคซีนฝีดาษเมื่อ 40 ปีก่อน สามารถป้องกันฝีดาษลิงในปัจจุบันที่ยังไม่มีวัคซีนเฉพาะ ได้ 70-72% ตัวเลขไม่ห่างกันมาก เราก็ได้ข้อมูลที่เพียงพอแล้ว แต่หากผลออกมาหลายระดับ เช่น ตั้งแต่ 10% ไปจนถึง 90% เราก็อาจต้องเพิ่มจำนวนการตรวจ” นพ.ศุภกิจกล่าว
นพ.ศุภกิจกล่าวต่อว่า สำหรับการตรวจวัดระดับภูมิฯ ที่เกิดจากวัคซีนที่บางตัวเกิดภูมิฯ ตลอดชีวิต แต่โดยธรมชาติบางตัวภูมิฯ ก็ตกลงไปตามเวลา โดยการตรวจภูมิฯ จากวัคซีนฝีดาษกับเชื้อฝีดาษลิง หลักการคือเมื่อเจอเชื้อแล้ว ภูมิฯ จะทำลายได้จำนวนหนึ่ง โดยทฤษฎีคือ ป้องกันได้80% ค่อนข้างสูง แต่เราไม่มีข้อมูลว่า วัคซีนที่ใช้ทดสอบมาจากวัคซีนที่พัฒนาในปัจจุบันหรือวัคซีนที่มีการฉีดเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว เราจึงต้องทำการตรวจภูมิฯ ให้เป็นข้อมูลของคนไทย ทั้งนี้ กรมวิทยฯ ใช้วิธี plaque reduction neutralization test (PRNT) เป็นการเพาะเชื้อไวรัสตัวเป็นๆ มาทดลองกับน้ำเลือดตัวอย่างเพื่อดูว่าเมื่อจางลงหลายๆ เท่าจนถึง 50% ภูมิฯ จะป้องกันได้เท่าไหร่ เช่น ถ้าผลออกมาว่าไตเตอร์ขึ้น 100-200 แสดงว่าใช้ได้อยู่ แต่ถ้าไตเตอร์อยู่ที่ 10 กว่าๆ อาจจะใช้ไม่ได้แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี