แบกแดด (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - วิกฤตการเมืองอิรักที่ไม่มีรัฐบาลมานานเกือบปีเลวร้ายลงอีก หลังนักการศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ที่ทรงอิทธิพลประกาศยุติบทบาททางการเมือง ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนบุกทำเนียบรัฐบาล และปะทะเดือดกับกลุ่มชีอะห์กลุ่มอื่นๆที่เป็นคู่แข่ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 23 ศพ

ม็อกตาดา อัล-ซาดร์ นักการศาสนานิกายชีอะห์ ประกาศเมื่อวันจันทร์ถอนตัวจากเวทีการเมืองขั้นสุดท้ายและปิดสำนักงานทางการเมืองทั้งหมดของเขา การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากพรรคการเมืองของอัล-ซาดร์ คว้าที่นั่งมากที่สุดในการเลือกตั้งเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว แต่ความขัดแย้งระหว่างเขาและพันธมิตรทางการเมืองชีอะห์ที่เป็นคู่แข่งและได้รับการหนุนหลังจากอิหร่าน ทำให้การเจรจาจัดตั้งรัฐบาลล้มเหลว และส่งผลให้ประเทศไม่มีรัฐบาลมานาน10 เดือน ซึ่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของอิรัก

การประกาศของอัล-ซาดร์ทำให้ผู้สนับสนุนของเขาบุกทำเนียบรัฐบาลในเขตกรีนโซนของกรุงแบกแดด ที่มีการรักษาความปลอดภัยแน่นหนาและปะทะกับตำรวจปราบจลาจลและผู้สนับสนุนฝ่ายชีอะห์ที่เป็นคู่แข่งของอัล-ซาดร์ นอกเขตกรีนโซน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 23 ศพ เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า มีการใช้กระสุนปืน ค. และระเบิดมือยิงด้วยจรวดในการปะทะเดือดดังกล่าว ขณะที่มีรายงานผู้ประท้วงได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 350 รายต่อมา อัล-ซาดร์ ประกาศอดอาหารประท้วงจนกว่าความรุนแรงและการใช้อาวุธจะยุติลง

เดิมกองทัพอิรักประกาศเคอร์ฟิวทั่วกรุงแบกแดดตั้งแต่เวลา 15.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น แต่ต่อมาขยายเคอร์ฟิวทั่วประเทศเริ่มตั้งแต่เวลา 19.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น และการประชุมคณะรัฐมนตรีถูกระงับชั่วคราวจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

การประท้วงและความรุนแรงหลังการถอนตัวทางการเมืองของอัล-ซาดร์อาจทำให้อิรักไร้เสถียรภาพมากยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้ผู้สนับสนุนของอัล-ซาดร์ ก่อเหตุบุกเขตกรีนโซน และเข้ายึดอาคารรัฐสภาในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม รวมทั้งปักหลักชุมนุมในเขตกรีนโซนนาน 4 สัปดาห์ เพื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องของอัล-ซาดร์ ที่ต้องการให้ยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ และศาลสูงสุดอิรักจะประชุมในวันอังคารนี้เพื่อพิจารณาคำร้องขอของอัล-ซาดร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ต้องการให้ศาลสั่งยุบสภา แต่ประธานศาลยืนยันว่าไม่มีอำนาจยุบสภา และบอกด้วยว่า การพิจารณาของศาลอาจเลื่อนออกไป หากการประท้วงรุนแรงยิ่งขึ้น