เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า สว.สีน้ำเงิน กับการพลิกล็อค
สงครามระหว่าง กระทรวงมหาดไทย กับ กระทรวงยุติธรรม ในเรื่อง สว.สีน้ำเงิน นั้น มีมานานเกิน 3 เดือนแล้ว เริ่มมาตั้งแต่ สว.กลุ่มนี้ต่อต้าน MOU 44 แล้วไปล้มร่าง พรบ.ประชามติ ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และยังมีท่าทีจะไม่ยอมรับ เรื่องการจัดตั้งกาสิโนอีก ซึ่งเรื่องนี้ยอมกันไม่ได้แน่นอน
ทาง DSI จึงจำใจต้องออกมากดดัน สว.ในเรื่องฮั้ว เรื่องซ่องโจร แต่ไปติดที่อำนาจในการจัดการอยู่ที่ กกต. จึงขอเข้ามาทำงานร่วมกับ กกต.ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ดังนั้น การออกหมายเรียก สว.ครั้งนี้จึงทำในนามของ กกต.
มาถึงตอนนี้ ขอลงรายละเอียดหน่อยครับ
1.การเลือก สว.เป็นแค่ “การเลือก” เท่านั้น ไม่ใช่ “การเลือกตั้ง” เพราะ สว.มาจากการเลือกกันเองระหว่างผู้ที่สมัครเข้ามาเป็น สว. ประชาชนทั่วไปจึงเลือกไม่ได้ ส่วนการเลือกตั้ง สส.นั้น ประชาชนที่อายุครบตามเกณฑ์ สามารถเลือกตั้งได้ทุกคน กระบวนการ และวิธีการ หาเสียงจึงแตกต่างกันเหมือนฟ้ากับดิน จะเอากฎหมายการเลือกตั้ง สส.มาใช้ไม่ได้ทั้งหมด
2.ถ้าทบทวนประวัติศาสตร์การเมือง การปกครองในบ้านเมืองเราหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง นายปรีดี ได้ร่างรัฐธรรมนูณฉบับใหม่ กำหนดให้มีพฤฒิสภา (วุฒิสภา) ที่มาจากการเลือกตั้งในทางอ้อม กล่าวคือ สส.มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของราษฏร แต่พฤฒิสภา ใช้การเลือกตั้งในทางอ้อม โดยให้ สส.เป็นผู้เลือกกันเองตามสมัครใจ
- วิธีการเลือกตั้งในทางอ้อมนี้ นายปรีดี ได้ค้นคิดขึ้นมา จึงเป็นวิธีใหม่ที่ไม่เคยใช้กันมาก่อน พฤฒิสภา มีจำนวน 80 คน แต่มีผู้สมัครเข้ามาเป็นสมาชิกพฤฒิสภา มากถึง 245 คน จึงมีการค้นคิดวิธี หากลุ่ม หาพวก กันอุตลุดไปหมด พรรคประชาธิปัตย์นั้น ส่งผู้สมัครจัดทำโผลับให้ถือเข้าไปเลือก ซึ่งพรรคฝ่ายนายปรีดี ก็จัดทำเช่นกัน แต่ทำได้จริงจังกว่า จึงสามารถรวม สส.อิสระ มาช่วยออกเสียงได้มากกว่า
ฝ่ายนายปรีดี จึงชนะไปเกือบทั้งหมด พรรคประชาธิปัตย์ได้เพียงคนเดียว จนทำให้ ม.ร.ว.เสนีย์ บ่นออกมาอย่างน้อยใจ สรุปว่า คนดีๆ ไม่ได้รับเลือก แต่เศรษฐีสงคราม อาชญากรสงคราม แม้กระทั่ง “คนแจวเรือจ้างให้นายปรีดี” ฯลฯ กลับได้รับการเลือกมาเป็นพฤฒิสภา แต่ก็บ่นอะไรไม่ได้มากนัก เพราะทุกฝ่ายต่างก็ทำเหมือนกันทั้งนั้น
เช่นเดียวกับการเลือกตั้ง สว.ครั้งนี้ ซึ่งทุกฝ่ายก็ทำเหมือนกันทั้งหมด แต่พวก สว.สีน้ำเงิน ดันไปทำดีกว่าเพื่อน
3.เมื่อรูปแบบการเลือกตั้ง สว.แตกต่างไปจากการเลือกตั้ง สส.มากมาย การต่อสู้ทางกกฎหมายจึงอยู่ที่ว่าใครเก่งกว่าใคร
ตรงนี้ผมว่าทาง DSI น่าจะเสียเปรียบสักหน่อย เพราะ
( 1 ) ทนายแก้ต่าง ทาง สว.น่าจะได้ตัวดีๆ มากกว่า
( 2 ) การเรียก สว.มาให้ปากคำนั้น เป็นเพียงขั้นตอนแรกของ กกต.เท่านั้น ยังเหลืออีก 3 ขั้นตอน ซึ่งไม่รู้ว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่ไปได้ถึงขั้นตอนไหน ถ้าทะเลาะกันเองอยู่แบบนี้
( 3 ) ขั้นตอนการสืบสวนของ DSI ในห้วงเวลาที่ผ่านมานั้น ไม่ว่าจะเป็นตัวพยาน หรือการหาเส้นทางการเงิน นั้น ล้วนแต่สุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายหลายฉบับ รวมถึงการกลับคำให้การของพยาน มาเป็นคุณต่อกลุ่ม สว. ก็อาจมีขึ้นแน่นอน
- เรื่องนี้จะจบแบบไหน พอเห็นได้ว่ามีอยู่แค่ 2 เส้นทางเท่านั้นครับ คือ
( 1 ) พลิกล็อคแบบถล่มทลาย
( 2 ) ถอยดีกว่า แล้วมากอดคอกันเดินต่อไปให้จบเทอม
พลโท นันทเดช / 11 พฤษภา ‘68
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี