รัฐพิธีประดิษฐานพระบรมศพยิ่งใหญ่
ควีนเอลิซาเบธที2
ให้พสกนิกรสักการะที่กรุงเอดินบะระ
รบ.ประกาศหยุดราชการ4วัน
จัดพระราชพิธีพระบรมศพ
เปิดถวายอาลัยครั้งสุดท้าย
ออกกฎคุมเข้ม/คาดต่อคิวยาว
รัฐพิธีประดิษฐาน พระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 อัญเชิญยิ่งใหญ่ไปประดิษฐาน พระราชวังฮอลีรูด กรุงเอดินบะระ เมืองหลวงสกอตแลนด์ 1 คืนเพื่อให้พสกนิกรสักการะพระบรมศพ จากนั้นอัญเชิญพระบรมศพ ไปยังพระราชวังบักกิงแฮม และเคลื่อนไปประดิษฐาน จัดพระราชพิธีพระบรมศพ ที่บริเวณโถงใหญ่พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ 15-18 ก.ย. ทางรัฐบาลเปิดให้สักการะพระบรมศพ24 ชม.ตลอด 4วัน ออกกฎคุมเข้ม เตือนระวัง เนื่องจากคาดต้องต่อคิวยาว ขณะที่ คนอังกฤษยินดี พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ประกาศขึ้นครองราชย์ เป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ว่าประชาชนร่วมส่งเสด็จฯ ตลอดเส้นทางที่หีบพระบรมศพ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้รับการอัญเชิญออกจากปราสาทบัลมอรัล ผ่านเมืองต่าง ๆ โดยใช้เวลา 6 ชั่วโมง จึงไปถึงพระราชวังโฮลีรูดเฮาส์ ในกรุงเอดินบะระ เมืองหลวงของสกอตแลนด์ โดยเป็นการเดินทางครั้งสุดท้าย ของสมเด็จพระราชินีนาถ ก่อนจะมีพระราชพิธีพระบรมศพในกรุงลอนดอนในวันที่ 19 กันยายน
วันนี้ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และ สมเด็จพระราชินีคามิลลา เสด็จถึงกรุงเอดินบะระ เพื่อทรงสมทบกับพระขนิษฐาและพระอนุชา เจ้าฟ้าหญิงแอนน์,เจ้าชายแอนดรูว์ และเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ทรงร่วมประกอบพิธีทางศาสนาเป็นวันแรกที่พระราชวังโฮลีรูดเฮาส์ จากนั้น เสด็จพระดำเนินตามขบวนอัญเชิญหีบพระบรมศพไปที่มหาวิหารเซนต์ ไจล์ส ในกรุงเอดินบะระ พระบรมศพได้รับการประดิษฐาน ที่มหาวิหารเซนต์ไจล์ สนาน 24 ชั่วโมง เพื่อให้ชาวสกอตแลนด์ ร่วมสักการะพระบรมศพ
ส่วนรัฐพิธีประดิษฐานพระบรมศพ ในวันอังคารที่ 13 ก.ย.ทางเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ พระราชกุมารีจะทรงเป็นผู้อัญเชิญหีบพระบรมศพ จากมหาวิหารเซนต์ไจลส์ เดินทางโดยเครื่องบินจากเมืองเอดิเบอระไปยังกรุงลอนดอน เมืองหลวงของอังกฤษ เพื่ออัญเชิญหีบพระบรมศพไปยังพระราชวังบักกิงแฮม โดยมีสมเด็จพระเจ้าชาลส์ ที่3 พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีคามิลลา ทรงเฝ้ารอรับพระบรมศพ ที่พระราชวังบักกิงแฮม ซึ่งถือเป็นอันเสร็จสิ้นรัฐพิธีประดิษฐานพระบรมศพในเบื้องต้น 3 วันแรก
ภายหลังจากนั้น ในช่วงบ่ายของวันพุธที่ 14 ก.ย. ตามวันเวลาท้องถิ่น จะมีการเคลื่อนขบวนพระบรมศพจากพระราชวังบักกิงแฮมไปประดิษฐาน ที่บริเวณโถงใหญ่ของพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ซึ่งอยู่ในกรุงลอนดอนเช่นกันโดยในส่วนบริเวณโถงใหญ่นี้ ถือเป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดของพระราชวังแห่งนี้ อันเป็นศูนย์กลางในการประกอบพิธีทางศาสนาของราชวงศ์อังกฤษตลอดช่วงที่ผ่านมา
จากนั้น ในวันที่ 15 -18 ก.ย.ทางการจะเปิดโอกาสให้พสกนิกรเข้าถวายความไว้อาลัยและสักการะพระบรมศพ ตลอด 24 ชั่วโมง จะเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 17.00 น.ของวันพุธที่ 14 ก.ย.และสิ้นสุดลงในเวลา06.30น.ของวันจันทร์ที่ 19 ก.ย. จะเป็นวันที่มีการจัดพระราชพิธีพระบรมศพ ซึ่งกระบวนการขั้นตอน 4 วันดังกล่าว ถือเป็นงานรัฐพิธีประดิษฐานพระบรมศพ จะสิ้นสุดในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 19 ก.ย. ก่อนที่จะมีการอัญเชิญหีบพระบรมศพไป ยังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอนเพื่อประกอบพิธีทางศาสนา และจะเปิดโอกาสให้บรรดาพระประมุข และผู้นำประเทศต่างๆ เข้าร่วมถวายความไว้อาลัยต่อพระบรมศพ และคาดว่าจะมีพระประมุขและผู้นำจากนานาประเทศเดินทางมาร่วมพิธีอย่างคับคั่ง
ในช่วงนี้ทางรัฐบาลได้ประกาศให้เป็นวันหยุดราชการ และวันหยุดธนาคาร หลังจากพิธีการส่วนนี้เสร็จสิ้น ก็จะอัญเชิญหีบพระบรมศพไปประกอบพิธีฝังตามหลักศาสนาคริสต์ที่โบสถ์น้อยเซนต์จอร์จ ภายในปราสาทวินด์เซอร์ เป็นขั้นตอนสุดท้าย
โดยทางการจะเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะพระบรมศพ ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2ขณะประดิษฐาน ณ โถงเวสต์มินสเตอร์ ในช่วงที่มีการนำพระบรมศพไปประดิษฐานพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ หีบพระบรมศพจะวางอยู่บนแท่นสูง ณ โถงเวสต์มินสเตอร์
ทั้งนี้ ได้มีการออกคำเตือนว่า ผู้ที่ต้องการเข้าไปสักการะพระบรมศพ อาจต้องเข้าแถวรอเป็นเวลาหลายชั่วโมง หรือ อาจจะต้องเข้าแถวรอข้ามคืน โดยแทบไม่มีโอกาสจะได้นั่ง เพราะคิวจะเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีความล่าช้าในด้านการเดินทางโดยใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ขณะที่จะมีการปิดถนนโดยรอบพื้นที่ดังกล่าว
ผู้ที่จะเข้าสักการะพระบรมศพ จะต้องผ่านการตรวจสอบภายใต้มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยแบบเดียวกับที่ใช้ในสนามบินจะมีการอนุญาตให้นำกระเป๋าติดตัวเข้าไปได้เพียงใบเดียวต่อคน และต้องเป็นกระเป๋าแบบที่มีช่องเปิดหรือซิปเพียงอันเดียวเท่านั้น ผู้ที่เข้าสักการะพระบรมศพ ต้องเคารพความศักดิ์สิทธิ์ของงานโดยให้งดใช้เสียงและขณะอยู่ในพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ แต่งกายให้เหมาะสม ห้ามสวมใส่เสื้อผ้า ที่มีข้อความทางการเมือง หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม
ผู้ที่อยู่ภายในพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ จะถูกขอให้ปิดโทรศัพท์มือถือ หรือใช้โหมดปิดเสียงเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังขึ้น ทั้งนี้ จะไม่อนุญาตให้มีการถ่ายภาพ หรือภาพเคลื่อนไหวใดๆรวมถึงห้ามไม่ให้ใช้โทรศัพท์มือถือ หรือ อุปกรณ์ใดๆ ในพื้นที่ปลอดภัย และในพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ยังมีคำร้องขอไม่ให้พยายามเข้าไปแย่งคิวของผู้อื่น หรือทิ้งข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวไว้ขณะเข้าคิวโดยไม่มีคนดูแลอีกด้วย
ขณะที่รายละเอียดต่อไปนี้ คือ ข้อแนะนำ และ ข้อจำกัดเกี่ยวกับสิ่งของต่างๆ ที่ควรและไม่ควรจะนำติดตัวมา สิ่งที่ควรต้องนำติดตัวมา ได้แก่ เสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ , อาหารและเครื่องดื่มสามารถรับประทานได้ขณะเข้าคิว แต่ต้องทิ้งทุกอย่างก่อนเข้าสู่จุดตรวจเพื่อรักษาความปลอดภัย , ที่ชาร์จมือถือแบบพกพา ยาหรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็นต้องพกติดตัว
สิ่งที่ไม่ควรนำมา ได้แก่ ขวดหรือขวดน้ำ ยกเว้นขวดน้ำแบบใส , ดอกไม้หรือเครื่องสักการะอื่นๆ ของมีคมรวมทั้งมีด , อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนตัวหรืออาวุธ , สเปรย์สี กุญแจคล้อง โซ่ อุปกรณ์ปีนเขา และสิ่งของอันตรายอื่นใด , ดอกไม้ไฟ ถังควัน หรือสิ่งอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดการรบกวนหรือเสียงรบกวน , ตู้เก็บความเย็น กระเช้าหรือตะกร้า ถุงนอน ตลอดจนอุปกรณ์สำหรับตั้งแคมป์อื่นๆ , รถเข็นเด็กแบบพับไม่ได้
ทั้งนี้ จะมีการเปิดเผยรายละเอียดของเส้นทางสำหรับเข้าคิวเพื่อถวายสักการะพระบรมศพในเย็นวันที่ 13 กันยายนต่อไป
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กษัตริย์พระองค์ใหม่ของอังกฤษ ทรงออกมาทักทายพสกนิกรหลายร้อยคน ที่ด้านนอกของพระราชวังบักกิงแฮม ในกรุงลอนดอน
หลังจากที่พระองค์ได้รับการประกาศโดยสภาการขึ้นครองราชย์ของอังกฤษให้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ของสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพ อย่างเป็นทางการ โดยมีพสกนิกรมาร่วมแสดงความยินดีและยื่นดอกไม้ให้พระองค์ พร้อมอวยพรขอให้พระเจ้าคุ้มครองกษัตริย์พระองค์ใหม่ของอังกฤษ
พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3ทรงขอบคุณพสกนิกร ที่ให้การสนับสนุน โดยในระหว่างพิธี พระเจ้าชาร์ลส์ทรงตรัสว่า”ข้าพเจ้าตระหนักดีถึงมรดกอันยิ่งใหญ่ หน้าที่และความรับผิดชอบอันหนักอึ้งของอำนาจอธิปไตยซึ่งบัดนี้ได้ส่งผ่านมาถึงข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าใช้โอกาสนี้ยืนยันความเต็มใจและความตั้งใจที่จะสานต่อสิ่งที่ได้รับสืบทอดมา รวมถึงราชบัลลังก์ เพื่อประโยชน์ของทุกคน ในฐานะประมุขแห่งรัฐ และประมุขแห่งประเทศ”
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอนสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ว่าสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เสด็จออก ณ พระราชวังบักกิงแฮม พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นางแพทริเซีย สกอตแลนด์ เลขาธิการเครือจักรภพแห่งประชาชาติเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายพระพร
พระราชินีคามิลลา พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้ผู้แทนของประเทศในเครือจักรภพ 11 จาก 14 ประเทศ ได้แก่ แอนติกาและบาร์บูดา บาฮามาส เบลีซ แคนาดา เกรเนดา นิวซีแลนด์ เซนต์คิตส์และเนวิส เซนต์ลูเชีย เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ ตูวาลู และออสเตรเลีย เข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายพระพร ขาดเพียง ปาปัวนิวกินี หมู่เกาะโซโลมอน และจาเมกา
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี แกสตัน บราวน์ ผู้นำแอนติกา และบาร์บูดา มีแผนจัดการลงประชามติภายในระยะอีก 3 ปีนับจากนี้ เกี่ยวกับการเป็น สาธารณรัฐ
ขณะที่ นายกรัฐมนตรี แอนดรูว์ โฮลเนสส์ ผู้นำ จาเมกา แสดงเจตจำนงผลักดันการเป็นสาธารณรัฐเช่นกันกระนั้นรัฐบาลชุดปัจจุบันของ 3 ประเทศขนาดใหญ่ ในกลุ่มเครือจักรภพ ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา ยังคงปฏิเสธแนวคิดดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี