สื่อนอกจับตาไทย! เดินหน้าฟื้นท่องเที่ยว กระตุ้นกลุ่ม"ช็อปล้างแค้น" อัดงบหนุน"ภูเก็ต"ฮับการแพทย์
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2565 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก เสนอข่าว Thailand Targets ‘Revenge Spenders’ to Fire Up Tourism Revival ระบุว่า ประเทศไทยได้ทุ่มสรรพกำลังแบบเดิมพัน มุ่งไปที่กลุ่มนักท่องเที่ยวซึ่งถูกเปรียบเทียบตามพฤติกรรมว่า "ใช้จ่ายราวกับระบายความแค้น (revenge spending)" โดยเล็งไปที่นักเดินทางจากโลกตะวันตกทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการหนีหนาวจากบ้านเกิดไปพักผ่อนในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศแบบเขตร้อน เพื่อเร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ยุทธศักดิ์ สุภสร (Yuthasak Supasorn) ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในปี 2566 การใช้จ่ายต่อการท่องเที่ยว 1 ครั้งน่าจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 30 โดยในไตรมาส 2/2565 ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเฉลี่ย 55,000 บาทต่อการท่องเที่ยว 1 ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในเวลานั้นนักท่องเที่ยวใช้จ่ายเฉลี่ย 47,000 บาทต่อการท่องเที่ยว 1 ครั้ง อนึ่ง การที่เงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐ ก็ยิ่งช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายได้
ประเทศไทยมีนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวระยะยาวของพลเมืองประมาณ 70 ประเทศในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หรือไฮซีซันส์ ไปจนถึงเดือนมีนาคม หลังจากยกเลิกข้อจำกัดการเข้าประเทศที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศ รวมถึงทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ ผู้ว่าฯ ททท. ให้ความเห็นว่า ราคาพลังงานที่สูงขึ้น ก็เป็นอีกปัจจัยที่จะกระตุ้นให้ชาวตะวันตกหนีหนาวมาพึ่งพิงอากาศอบอุ่นที่เมืองไทย และยิ่งพวกเขาอยู่นานเท่าใด การใช้จ่ายก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ย้อนไปในปี 2562 อันเป็นปีสุดท้ายก่อนที่โลกจะเข้าสู่สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ปีนั้นประเทศไทยได้ต้อนรับชาวต่างชาติมากถึง 40 ล้านคน โกยเม็ดเงินเข้าประเทศมากกว่า 2 ล้านล้านบาท ขณะที่นับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2565 เป็นต้นมา จนถึงวันที่ 9 ต.ค. 2565 มีผู้เดินทางไปเที่ยวประเทศไทยแล้ว 6.48 ล้านคน และคาดว่าจะแตะ 10 ล้านคนเมื่อถึงสิ้นปี เพิ่มขึ้นจากน้อยกว่า 5 แสนคนในปี 2564 และในปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวอาจเพิ่มจึ้นถึง 20 ล้านคน คาดหวังรายได้ที่ 2.49 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนยุคโควิด-19
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลว่าไทยจะฟื้นตัวได้เร็วเพียงใด ขึ้นอยู่กับท่าทีของประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันยังใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดตามนโยบายแผ่นดินปลอดโควิด (Zero COVID) เนื่องจากในยุคสมัยก่อนโควิด-19 ระบาด ชาวจีนนั้นครองสัดส่วนใหญ่ที่สุดในการเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศไทย โดยคิดเป็น 1 ใน 4 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ทั้งนี้ ยุทธศักดิ์ คาดหวังว่า จีนจะเปิดประเทศอีกครั้งในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีหน้า หรือประมาณเดือน ม.ค. 2566
ในวันเดียวกัน บลูมเบิร์กยังเสนอข่าว Thailand Plans $131 Million Phuket Medical Hub to Boost Tourism ระบุว่า รัฐบาลไทยอนุมัติงบประมาณ 5 พันล้านบาท เพื่อสร้างศูนย์การแพทย์ระหว่างประเทศใน จ.ภูเก็ต เพื่อขยายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยจะเริ่มก่อสร้างในปี 2566 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2570 ซึ่งศูนย์การแพทย์แห่งนี้จะรวมถึงโรงพยาบาลที่ให้บริการเต็มรูปแบบสำหรับผู้ป่วยทั้งชาวไทยและต่างชาติ ตลอดจนศูนย์วิจัยและฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์
ไตรศุลี ไตรสรณกุล (Traisuree Traisoranakul) รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แนวคิดนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ตามเป้าหมายทำให้ไทยกลายเป็นประเทศรายได้สูงภายในปี 2580 คาดว่าโครงการนี้จะสร้างราบได้ 6.2 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่ไม่ได้ระบุระยะเวลาที่แน่ชัดว่าจะบรรลุเป้าหมายรายได้ดังกล่าวได้เมื่อใด ทั้งนี้ จ.ภูเก็ต เป็นจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยม ดินแดนเกาะแห่งนี้สามารถรับเที่ยวบินตรงได้เพราะมีสนามบินนานาชาติ มีรีสอร์ทให้บริการมากมาย มีการพัฒนาที่อยู่อาศัย และมีชายหาดที่สวยงาม
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า พื้นที่ภาคใต้ของไทย ถูกใช้เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์มาแล้วหลายเรื่อง เช่น เดอะบีช (The Beach) , 007 เพชฌฆาตปืนทอง (The Man with the Golden Gun) , สวรรค์กับโลก หัวใจเธอพลิกลิขิต (Heaven & Earth) เป็นต้น ทั้งหมดถ่ายทำในภูเก็ตหรือก็จังหวัดใกล้เคียง และ 8 เดือนแรกของปี 2565 จ.ภูเก็ต ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 1.1 ล้านคน เนื่องจากการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวหลังมาตรการควบคุมโรคผ่อนคลายลง
ภูเก็ตยังเคยเป็นพื้นที่นำร่องในความพยายามฟื้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวของไทย ย้อนไปเมื่อเดือน ก.ค. 2564 ภูเก็ตเป็นจังหวัดแรกที่ได้รับอนุญาตให้ต้อนรับท่องเที่ยวต่างชาติ ตามโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” โดยต้องเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบตามจำนวนที่วัคซีนชนิดนั้นๆ กำหนด ก่อนที่ในเวลาต่อมา ทางการไทยจะค่อยๆ ทยอยยกเลิกมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 เกือบทั้งหมดในส่วนอื่นๆ ที่เหลือของประเทศ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี