สื่อนอกจับตาไทย! เดินหน้าฟื้นท่องเที่ยว กระตุ้นกลุ่ม‘ช็อปล้างแค้น’

สื่อนอกจับตาไทย! เดินหน้าฟื้นท่องเที่ยว กระตุ้นกลุ่ม‘ช็อปล้างแค้น’

วันอังคาร ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2565, 21.18 น.

สื่อนอกจับตาไทย! เดินหน้าฟื้นท่องเที่ยว กระตุ้นกลุ่ม"ช็อปล้างแค้น" อัดงบหนุน"ภูเก็ต"ฮับการแพทย์

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2565 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก เสนอข่าว Thailand Targets ‘Revenge Spenders’ to Fire Up Tourism Revival ระบุว่า ประเทศไทยได้ทุ่มสรรพกำลังแบบเดิมพัน มุ่งไปที่กลุ่มนักท่องเที่ยวซึ่งถูกเปรียบเทียบตามพฤติกรรมว่า "ใช้จ่ายราวกับระบายความแค้น (revenge spending)" โดยเล็งไปที่นักเดินทางจากโลกตะวันตกทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการหนีหนาวจากบ้านเกิดไปพักผ่อนในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศแบบเขตร้อน เพื่อเร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ


ยุทธศักดิ์ สุภสร (Yuthasak Supasorn) ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในปี 2566 การใช้จ่ายต่อการท่องเที่ยว 1 ครั้งน่าจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 30 โดยในไตรมาส 2/2565 ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเฉลี่ย 55,000 บาทต่อการท่องเที่ยว 1 ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในเวลานั้นนักท่องเที่ยวใช้จ่ายเฉลี่ย 47,000 บาทต่อการท่องเที่ยว 1 ครั้ง อนึ่ง การที่เงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐ ก็ยิ่งช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายได้

ประเทศไทยมีนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวระยะยาวของพลเมืองประมาณ 70 ประเทศในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หรือไฮซีซันส์ ไปจนถึงเดือนมีนาคม หลังจากยกเลิกข้อจำกัดการเข้าประเทศที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศ รวมถึงทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ ผู้ว่าฯ ททท. ให้ความเห็นว่า ราคาพลังงานที่สูงขึ้น ก็เป็นอีกปัจจัยที่จะกระตุ้นให้ชาวตะวันตกหนีหนาวมาพึ่งพิงอากาศอบอุ่นที่เมืองไทย และยิ่งพวกเขาอยู่นานเท่าใด การใช้จ่ายก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

ย้อนไปในปี 2562 อันเป็นปีสุดท้ายก่อนที่โลกจะเข้าสู่สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ปีนั้นประเทศไทยได้ต้อนรับชาวต่างชาติมากถึง 40 ล้านคน โกยเม็ดเงินเข้าประเทศมากกว่า 2 ล้านล้านบาท ขณะที่นับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2565 เป็นต้นมา จนถึงวันที่ 9 ต.ค. 2565 มีผู้เดินทางไปเที่ยวประเทศไทยแล้ว 6.48 ล้านคน และคาดว่าจะแตะ 10 ล้านคนเมื่อถึงสิ้นปี เพิ่มขึ้นจากน้อยกว่า 5 แสนคนในปี 2564 และในปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวอาจเพิ่มจึ้นถึง 20 ล้านคน คาดหวังรายได้ที่ 2.49 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนยุคโควิด-19

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลว่าไทยจะฟื้นตัวได้เร็วเพียงใด ขึ้นอยู่กับท่าทีของประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันยังใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดตามนโยบายแผ่นดินปลอดโควิด (Zero COVID) เนื่องจากในยุคสมัยก่อนโควิด-19 ระบาด ชาวจีนนั้นครองสัดส่วนใหญ่ที่สุดในการเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศไทย โดยคิดเป็น 1 ใน 4 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ทั้งนี้ ยุทธศักดิ์ คาดหวังว่า จีนจะเปิดประเทศอีกครั้งในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีหน้า หรือประมาณเดือน ม.ค. 2566

ในวันเดียวกัน บลูมเบิร์กยังเสนอข่าว Thailand Plans $131 Million Phuket Medical Hub to Boost Tourism ระบุว่า รัฐบาลไทยอนุมัติงบประมาณ 5 พันล้านบาท เพื่อสร้างศูนย์การแพทย์ระหว่างประเทศใน จ.ภูเก็ต เพื่อขยายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยจะเริ่มก่อสร้างในปี 2566 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2570 ซึ่งศูนย์การแพทย์แห่งนี้จะรวมถึงโรงพยาบาลที่ให้บริการเต็มรูปแบบสำหรับผู้ป่วยทั้งชาวไทยและต่างชาติ ตลอดจนศูนย์วิจัยและฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์

ไตรศุลี ไตรสรณกุล (Traisuree Traisoranakul) รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แนวคิดนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ตามเป้าหมายทำให้ไทยกลายเป็นประเทศรายได้สูงภายในปี 2580 คาดว่าโครงการนี้จะสร้างราบได้ 6.2 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่ไม่ได้ระบุระยะเวลาที่แน่ชัดว่าจะบรรลุเป้าหมายรายได้ดังกล่าวได้เมื่อใด ทั้งนี้ จ.ภูเก็ต เป็นจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยม ดินแดนเกาะแห่งนี้สามารถรับเที่ยวบินตรงได้เพราะมีสนามบินนานาชาติ มีรีสอร์ทให้บริการมากมาย มีการพัฒนาที่อยู่อาศัย และมีชายหาดที่สวยงาม

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า พื้นที่ภาคใต้ของไทย ถูกใช้เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์มาแล้วหลายเรื่อง เช่น  เดอะบีช (The Beach) , 007 เพชฌฆาตปืนทอง (The Man with the Golden Gun) , สวรรค์กับโลก หัวใจเธอพลิกลิขิต (Heaven & Earth) เป็นต้น ทั้งหมดถ่ายทำในภูเก็ตหรือก็จังหวัดใกล้เคียง และ 8 เดือนแรกของปี 2565 จ.ภูเก็ต ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 1.1 ล้านคน เนื่องจากการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวหลังมาตรการควบคุมโรคผ่อนคลายลง

ภูเก็ตยังเคยเป็นพื้นที่นำร่องในความพยายามฟื้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวของไทย ย้อนไปเมื่อเดือน ก.ค. 2564 ภูเก็ตเป็นจังหวัดแรกที่ได้รับอนุญาตให้ต้อนรับท่องเที่ยวต่างชาติ ตามโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” โดยต้องเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบตามจำนวนที่วัคซีนชนิดนั้นๆ กำหนด ก่อนที่ในเวลาต่อมา ทางการไทยจะค่อยๆ ทยอยยกเลิกมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 เกือบทั้งหมดในส่วนอื่นๆ ที่เหลือของประเทศ

- 006

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top