17 ก.ย.56 เว็บไซต์เดลิเมล์ ของอังกฤษ รายงานว่า คดีการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่า ถูกรื้อขึ้นมาสืบสวนอีกครั้ง หลังมีหลักฐานชี้ว่า อาจเป็นคดีฆาตกรรมอำพราง โดยได้รับข้อมูลจากภรรยาคนในหน่วยงานสเปเชียลแอร์เซอร์วิส (SAS) หรือหน่วยรบพิเศษของกองทัพอากาศ ว่ามีคนส่องไฟใส่หน้าคนขับรถของเจ้าหญิง จนนำมาซึ่งอุบัติเหตุ พร้อมเผยเป็นคำสั่งจากคนในราชวงศ์เอง
รายงานระบุว่า สำนักงานตำรวจนครหลวงของอังกฤษ หรือ สกอตแลนด์ ยาร์ด ได้ตัดสินใจรื้อคดีการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่าขึ้นมาสอบสวน หลังเหตุเกิดขึ้นนานกว่า 16 ปี เพราะมีหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อ 16 ปีก่อนนั้น เป็นการฆาตกรรมไม่ใช่อุบัติเหตุ
โดยจากการรวบรวมหลักฐานพยานตลอดเวลาที่ผ่านมา ได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า อุบัติเหตุอันน่าเศร้าในครั้งนั้น อาจเกิดขึ้นจากฝีมือของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วย SAS และจากคำเปิดเผยของภรรยานายทหารนายหนึ่ง ได้ระบุว่า สามีของเธอเล่าให้เธอฟังว่า หน่วย SAS มีความสามารถที่จะปลงพระชนม์เจ้าหญิงไดอาน่าอย่างแนบเนียน อุบัติเหตุในครั้งนั้น เกิดจากการส่องไฟใส่หน้าคนขับรถของเจ้าหญิง ขณะเดินทางผ่านอุโมงค์ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จนทำให้คนขับรถตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัดเจน จนนำมาซึ่งอุบัติเหตุที่ช็อกคนทั่วโลก ทั้งนี้ ปฏิบัติการของหน่วย SAS ในครั้งนั้น ได้รับคำสั่งมาจากคนในราชวงศ์เอง ที่ไม่พอใจที่เจ้าหญิงไดอาน่าทรงคบหากับชายมุสลิม
สำหรับคดีอันน่าเศร้าดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ เจ้าหญิงไดอาน่า และ นายโดดี อัล ฟาเยด ลูกชายของมหาเศรษฐี โมฮัมหมัด อัล ฟาเยด กำลังเดินทางออกจากโรงแรมในฝรั่งเศส ก่อนที่รถของพระองค์จะเร่งความเร็วเพื่อหลบหนีช่างภาพที่ขับรถติดตามเพื่อถ่ายภาพ จนกระทั่งคนขับรถไม่สามารถควบคุมรถยนต์ให้วิ่งต่อไปอย่างปลอดภัยได้ จึงประสบอุบัติเหตุ ทำให้คนขับรถและนายโดดีเสียชีวิตทันที ส่วนเจ้าหญิงไดอาน่า สิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมา ซึ่งแม้ว่า พ่อของนายโดดีจะเชื่อว่าเหตุดังกล่าวเป็นการฆาตกรรม แต่จากการสอบสวนอย่างละเอียดในครั้งนั้น ศาลก็ได้สรุปว่าเป็นคดีอุบัติเหตุในที่สุด โดยโทษว่าเป็นผลจากการขับรถโดยประมาทของคนขับรถที่ดื่มจนเมามาย