ปักกิ่ง (รอยเตอร์ส/ซีซีทีวี/ซินหัว/เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์) - สภาประชาชนจีนจะเริ่มประชุมประจำปีครั้งแรกในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ เพื่อปรับคณะรัฐมนตรีจีนครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี ตลอดจนรับรอง สี จิ้นผิง เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 3 ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในจีน แม้ว่าเขาถูกวิจารณ์เรื่องมาตรการรับมือโควิด-19 และเศรษฐกิจขยายตัวต่ำ
สื่อของทางการจีนรายงานว่า มีการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยทั่วกรุงปักกิ่งตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ก่อนการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน หรือเอ็นพีซี จะเริ่มขึ้นในวันอาทิตย์นี้ คาดว่าจะดำเนินไปเป็นเวลา 10 วัน โดยมีจุดสำคัญอยู่ที่การปรับคณะรัฐมนตรีจีนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปี ผู้แทนการประชุม 3,000 คน จะลงนามรับรองให้ประธานาธิบดีสี วัย 69 ปีดำรงตำแหน่งวาระ 5 ปี เป็นสมัยที่ 3หลังจากดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2556 จะทำให้เขาเป็นผู้นำจีนที่ทรงอำนาจมากที่สุดนับตั้งแต่ประธานเหมา เจ๋อตุง เป็นต้นมานักวิเคราะห์มองว่า เรื่องนี้มีความแน่นอน เพราะเขาเพิ่งได้รับการต่ออายุเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์และประธานคณะกรรมาธิการการทหารกลาง ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพ วาระ 5 ปีเมื่อเดือนตุลาคม 2565 ส่วนนายหลี่ เฉียง วัย 63 ปีคนสนิทของนายสีจะได้รับการรับรองเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แทนนายหลี่ เค่อเฉียงที่ดำรงตำแหน่งครบ 2 สมัยรวม 10 ปีนับตั้งแต่ปี 2556 โดย หลี่ เฉียง เคยผ่านการดำรงตำแหน่งในระดับมณฑลมาหลายตำแหน่ง และจะก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของจีน ที่ไม่เคยมีดำรงตำแหน่งในรัฐบาลกลางของจีนมาก่อนเลย
ดร.อัลเฟรด มู่ล่วน อู่ นักวิชาการของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์มองว่า แม้มติมหาชนที่มีต่อนายสีไม่ดีนัก เพราะนโยบายควบคุมโควิดเป็นศูนย์ได้บั่นทอนความศรัทธาที่ประชาชนมีต่อตัวเขา แต่นายสียังคงมีตำแหน่งที่มั่นคงในระดับสูงสุดของพรรค จึงทำให้เขาเป็นบุคคลที่แทบไม่สามารถท้าทายได้ ขณะที่นายคริสโตเฟอร์ จอห์นสัน ประธานกลุ่มยุทธศาสตร์จีนกล่าวถึงการประท้วงในจีนเมื่อปลายปี 2565 ว่า เปิดช่องให้นายสีใช้เป็นข้ออ้างในการยกเลิกนโยบายควบคุมโควิดเป็นศูนย์ เพราะหากทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี เขาสามารถอ้างว่าตนเองรับฟังเสียงประชาชน แต่หากสถานการณ์แย่ลง เขาสามารถอ้างว่าเป็นเพราะการประท้วงและกลุ่มต่างชาติที่อยู่เบื้องหลัง
สื่อจีนรายงานด้วยว่า ที่ประชุมเอ็นพีซีในครั้งนี้ จะมีการรับรองทีมเศรษฐกิจใหม่ของประธานาธิบดีสีด้วย และจะอภิปรายแผนการปฏิรูปหน่วยงานของรัฐและของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างเข้มข้นและกว้างขวาง นอกจากนี้ ยังจะมีการประกาศนโยบายสำคัญในระหว่างการประชุม ที่สำคัญที่สุดและจับตามากที่สุดคือ เป้าหมายการเตบโตทางเศรษฐกิจ เนื่องจากผู้กำหนดนโยบายของจีนต้องการจะปรับปรุงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของจีนยุคหลังโควิดที่ยังไม่มีความสม่ำเสมอ รวมถึงการประกาศงบประมาณของรัฐบาลกลางของท้องถิ่น และงบประมาณทางการทหาร
นักวิเคราะห์คาดว่า รัฐบาลจีนจะตั้งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2023 ประมาณร้อยละ 5-6 จะแก้ปัญหาการว่างงาน และออกมาตรการเพิ่มการบริโภคในประเทศและเพิ่มการลงทุนจากต่างประเทศ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหลายอย่าง ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนเติบโตร้อยละ 3 เมื่อปีที่แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี