เม็กซิโกซิตี้ (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส) - ประธานาธิบดีเม็กซิโกยืนยันว่า เม็กซิโกเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยมากกว่าสหรัฐฯ หลังจากทางการสหรัฐฯ แจ้งเตือนให้ชาวอเมริกันหลีกเลี่ยงการเดินทางไปเม็กซิโก เนื่องจากเกิดเหตุชาวอเมริกันกลุ่มหนึ่งถูกลักพาตัวและมีคนเสียชีวิต

ประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ของเม็กซิโก กล่าวระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า เม็กซิโกปลอดภัยกว่าสหรัฐฯ การเดินทางทั่วเม็กซิโกไม่เคยมีปัญหาเรื่องความปลอดภัย พลเมืองชาวอเมริกันรู้ดี เช่นเดียวกับชาวเม็กซิกันที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ และเมื่อสื่อท้องถิ่นถามเรื่องสถานการณ์ความปลอดภัยในเม็กซิโก ประธานาธิบดีโลเปซ โอบราดอร์ตอบว่า รัฐบาลสหรัฐฯ แจ้งเตือนว่ามีเพียงรัฐกัมเปเชและรัฐยูกาตังในเม็กซิโกเท่านั้นที่ปลอดภัย หากเป็นเช่นนั้นจริง คงไม่มีชาวอเมริกันจำนวนมากเดินทางมาอาศัยอยู่ในกรุงเม็กซิโกซิตี้ และเมืองอื่นๆ ทั่วเม็กซิโก ผู้นำเม็กซิโกอ้างว่า นักการเมืองหัวอนุรักษนิยมในสหรัฐฯ มีการเคลื่อนไหวต่อต้านเม็กซิโก เพราะไม่ต้องการให้เม็กซิโกเดินหน้าพัฒนาเพื่อประโยชน์ของชาวเม็กซิกัน

เมื่อไม่กี่วันก่อน สำนักงานความปลอดภัยสาธารณะของรัฐเท็กซัส ออกคำแนะนำให้ชาวเท็กซัสหลีกเลี่ยงการเดินทางไปเม็กซิโกในช่วงวันหยุดฤดูใบไม้ผลิ โดยอ้างเรื่องแก๊งอาชญากรก่อความรุนแรง ขณะที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำแนะนำ “ไม่เดินทาง” กับ 6 รัฐในเม็กซิโกจากทั้งหมด 32 รัฐ,คำแนะนำ “ทบทวนการเดินทาง” กับ7 รัฐ และคำแนะนำ “เพิ่มความระมัดระวัง”กับ 17 รัฐ หลังจากเมื่อต้นเดือนมีนาคม เกิดเหตุชาวอเมริกัน 4 คน ถูกลักพาตัวขณะเดินทางอยู่ในเมืองมาตาโมรอสรัฐตาเมาลีปัส ติดกับพรมแดนรัฐเท็กซัสของสหรัฐฯ คาดว่าเป็นฝีมือของสมาชิกกัลฟ์ คาร์เทล (Gulf Cartel) ที่เป็นแก๊งอาชญากรและค้ายาเสพติด มีชาวอเมริกัน เสียชีวิต 2 ศพรวมทั้งชาวเม็กซิโกที่เห็นเหตุการณ์อีก 1 ศพ ต่อมาทางแก๊งยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด และเสียใจที่มีชาวอเมริกันเสียชีวิต