‘ไกด์ผี-ทัวร์ศูนย์เหรียญ’ภัยคุกคามไทย ฟื้นท่องเที่ยวหลังโควิด แฉลามหลายชาติไม่แค่ทัวร์จีน

‘ไกด์ผี-ทัวร์ศูนย์เหรียญ’ภัยคุกคามไทย ฟื้นท่องเที่ยวหลังโควิด แฉลามหลายชาติไม่แค่ทัวร์จีน

วันจันทร์ ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2566, 17.30 น.

วันที่ 20 มีนาคม 2566 เว็บไซต์ นสพ.South China Morning Post ของฮ่องกง เสนอรายงานพิเศษ Thai tour guides fret over return of Chinese interlopers, asking: who gains from mass tourism? ว่าด้วยปัญหา “ไกด์ผี” ได้กลับมาหลอกหลอนภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยอีกครั้ง กล่าวคือ ตามกฎหมายไทยระบุว่า ไกด์หรือมัคคุเทศก์เป็นอาชีพสงวนของคนไทย แต่ในความเป็นจริงกลับพบชาวต่างชาติแอบแฝงประกอบอาชีพดังกล่าวอยู่ไม่น้อย นอกจากนั้นยังเชื่อมโยงกับปัญหา “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” หมายถึงตลอดการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะใช้บริการกิจการที่คนชาติเดียวกับนักท่องเที่ยวมาดำเนินการในประเทศไทยจนครบวงจร ทำให้คนไทยและธุรกิจไทยไมได้ประโยชน์ใดๆ

Saichon Chounchou มัคคุเทศก์ชาวไทย เปิดเผยว่า แม้ตนจะสื่อสารได้ทั้งภาษาอังกฤษและจีนกลาง แต่การกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวจีนหนล่าสุด มีไกด์ชาวจีนแอบแฝงมาด้วย ซึ่งสามารถพบเห็นตั้งแต่ในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ หรือเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต เกาะสมุย แต่ก็เหมือนว่าเจ้าหน้าที่รัฐของไทยมองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ ทำให้บริษัททัวร์ที่ดำเนินการโดยต่างชาติสามารถตักตวงผลกำไรจากภาคการท่องเที่ยว ที่คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 12 ของเศรษฐกิจประเทศไทย ก่อนจะตัดพ้อว่าตนกลายเป็นคนเสียเปรียบเพราะทำตามกฎ


ในปี 2562 ก่อนที่โลกจะเข้าสู่สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 มีชาวจีนเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศไทยถึง 11 ล้านคน คิดเป็น 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในปีนั้น กระทั่งเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลงและมาตรการควบคุมการเดินทางถูกยกเลิก ในปี 2566 ทางการไทยตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ 25 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นชาวจีน 5 ล้านคน การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติมีความสำคัญต่อธุรกิจที่หลากหลาย ตั้งแต่บริษัททัวร์ คนขับรถรับ-ส่ง (เช่น รถบัส รถตุ๊กตุ๊ก) โรงแรม ผู้ประกอบการทัวร์ดำน้ำ ไปจนถึงร้านขายของที่ระลึก

ชาดา เตรียมวิทยา (Chada Triamvithaya) อาจารย์สาขาภาษาจีนเพื่ออุตสาหกรรม ภาควิชาภาษา คณะศิลปศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ทัวร์จีนใช้วิธีจ้างไกด์ไทยในลักษณะเป็นผู้ร่วมเดินทาง แต่ใช้ชาวจีนเป็นคนทำงาน แต่หลังยุคโควิด-19 ทัวร์จีนทั้งจากจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวัน มีจำนวนน้อยลง และพวกเขาต้องการตารางการเดินทางที่ปรับให้เหมาะกับตัวเองมากขึ้น ดังนั้นจึงใช้บริการใช้บริษัททัวร์ที่ดำเนินการโดยชาวจีนซึ่งว่าจ้างชาวจีนในประเทศไทย

“มัคคุเทศก์ชาวจีนจำนวนมากถือวีซ่านักเรียน พวกเขาได้งานทำโดยเสนอค่าธรรมเนียมถูกกว่า แต่ได้ค่าคอมมิชชั่นจากการป้อนลูกค้าเข้าสู่ธุรกิจของชาวจีนในพื้นที่ท่องเที่ยว แต่ท้ายที่สุด ธุรกิจและอุตสาหกรรมไทยก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากกิจกรรมการท่องเที่ยว” ชาดา กล่าว

Paisarn Suethanuwong หนึ่งในไกด์ไทยจำนวน 5,000 คนทั่วประเทศที่ใช้ภาษาจีนกลางได้ เปิดเผยว่า ตนกำลังระดมการสนับสนุนจากสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย และมีเป้าหมายที่จะยื่นคำร้องต่อรัฐบาลไทยในเร็ววันนี้ เพื่อเรียกร้องให้มีการดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ผลประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวหายไปในต่างประเทศ ซึ่งบริษัททัวร์จีนมักขายแพ็คเกจทัวร์ในราคาที่ต่ำมาก ขณะที่ไกด์ไทยและไกด์จีนมักพบว่าตนเองแข่งขันกันเพื่อเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นซึ่งผูกมัดกับการขายแพ็คเกจทัวร์เสริมให้กับนักท่องเที่ยวเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ข้อมูล ณ เดือนมกราคม 2566 โดยกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย ระบุว่า ในประเทศไทยมีมัคคุเทศก์ที่มีใบอนุญาตประมาณ 59,000 คน ซึ่งในเดือนดังกล่าวเช่นกัน สุชาติ ชมกลิ่น (Suchart Chomklin) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของไทย ยอมรับว่า ปัญหาไกด์ต่างชาติสร้างความเสียหายต่อการจ้างงานด้านการท่องเที่ยว และเรียกร้องให้ประชาชนรายงานการใช้ไกด์ต่างชาติไปยังสายด่วนของรัฐบาล ท่ามกลางสถานการณ์ที่ในเวลานั้น จีนเริ่มกลับมาเปิดประเทศให้พลเมืองออกไปท่องเที่ยวในต่างแดนอีกครั้ง

ไม่เฉพาะแต่ทัวร์จีนเท่านั้นที่ใช้บริการไกด์ผี แต่ทัวร์เกาหลีใค้ก็เช่นกัน โดย Wanna (นามสมมติ) ไกด์ไทยวัย 52 ปี ซึ่งใช้ภาษาเกาหลีได้ เปิดเผยว่า มีบริษัททัวร์เกาหลีประมาณ 100 แห่งในประเทศไทย พวกเขาใช้ไกด์ชาวเกาหลีเพื่อลดค่าธรรมเนียม ในขณะที่ไกด์ไทยไม่ต้องพูดคุยกับนักท่องเที่ยว แต่ให้ทำงานช่วยจัดการการจองและติดต่อประสานงานกับคนในท้องถิ่น ซึ่งตามข้อมูลของรัฐบาลไทย ในเดือน ม.ค. 2566 เพียงเดือนเดียว มีชาวเกาหลีใต้เดินทางมาท่องเที่ยวในไทยแล้ว 170,000 คน

“หลายคนถูกพาไปที่สถานประกอบการของชาวเกาหลี เช่น ร้านอาหาร ร้านค้า ร้านนวด หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป การท่องเที่ยวไทยจะตกอยู่ในมือต่างชาติ ถ้าคนงานในท้องถิ่นไม่มีอำนาจควบคุมหรือพูดในเรื่องใดๆ ก็จะไม่มีแรงจูงใจให้ใครมาอยู่ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และเมื่อเร็วๆ นี้ ชาวรัสเซียหรือแม้แต่ชาวเวียดนามก็เริ่มประกอบอาชีพมัคคุเทศก์อย่างผิดกฎหมายเช่นกัน” Wamna กล่าว

ประเด็นการไหลเวียนของเม็ดเงินจากจีนในระบบเศรษฐกิจไทยได้รับความสนใจอย่างมากเมื่อปลายปี 2565 เมื่อชายชาวจีนชื่อ “ตู้ห่าว (Tuhao)” ซึ่งได้รับสัญชาติไทยถูกจับกุมในข้อหาฟอกเงินและอาชญากรรมเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งเชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายขนาดใหญ่ที่โอนเงินผ่านธุรกิจอัญมณี คาสิโน และธุรกิจบันเทิงขนาดใหญ่สำหรับลูกค้าชาวจีนในประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด

คดีของตู้ห่าว นำไปสู่การขยายผลว่าธุรกิจต่างชาติเข้ามามีส่วนในเศรษฐกิจของประเทศไทยได้อย่างไร โดยทางตำรวจไทยยอมรับว่า ผู้มีอิทธิพลชาวต่างชาติใช้บริการเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นซึ่งมีพฤติกรรมฉ้อฉลในการเปิดทางให้เข้ามาในประเทศไทย จากนั้นก็หาคนไทยมาเป็นตัวแทนเปิดบริษัทบังหน้า ซึ่ง Paisarn ไกด์ไทยที่ทำงานกับนักท่องเที่ยวจีน ให้ความเห็นว่า เจ้าของธุรกิจสีเทาเหล่านี้จำนวนมากเริ่มต้นจากการท่องเที่ยวก่อนที่จะขยายไปในอุตสาหกรรมอื่น

รายงานข่าวทิ้งท้ายด้วยการกลับไปที่  Saichon ไกด์ไทยที่สั่งสมประสบการณ์ในอาชีพมานานถึง 27 ปี และภูมิใจกับการได้ทำหน้าที่แสดงให้นักท่องเที่ยวได้เห็นถึงความสุขของประเทศไทย แต่วันนี้กำลังตกอยู่ในอันตรายเมื่อชาวต่างชาติย่างกรายเข้ามายุ่งเกี่ยวกับงานของตน

“มันเป็นมากกว่าการบอกให้นักท่องเที่ยวไปทางซ้ายหรือขวา ผมแบกภาพลักษณ์ประเทศไทยไว้บนบ่า” Saichon กล่าว

ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.scmp.com/week-asia/people/article/3213953/thai-tour-guides-fret-over-return-chinese-interlopers-asking-who-gains-mass-tourism

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top