วอชิงตัน (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของติ๊กต็อก (TikTok) แอปพลิเคชั่นวีดีโอสั้นยอดนิยม เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการในรัฐสภาสหรัฐฯ หลังจากบริษัทถูกกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์กับรัฐบาลจีน และถูกรัฐบาลสหรัฐฯ ขู่แบน หากไม่แยกตัวจากบริษัทแม่ในจีน
โซว จื่อโจว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของติ๊กต็อก (TikTok) แอปพลิเคชั่นวีดีโอสั้นยอดนิยม ซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์วัย 40 ปี เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการพลังงานและพาณิชย์ในสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ในเวลา 10.00 น.วันที่ 23 มี.ค. ตามเวลาสหรัฐฯ ตรงกับเวลา 21.00 น. วานนี้ตามเวลาไทย คาดว่าเขาจะถูกซักถามอย่างเคร่งเครียดนานหลายชั่วโมงโดยสมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครตที่เกรงว่ารัฐบาลจีนอาจนำแอปฯ นี้ไปใช้สอดแนมหรือโฆษณาชวนเชื่อ
ขณะที่นายโซวชี้แจงผ่านถ้อยแถลง ระบุว่า เขาขอย้ำอย่างชัดเจนว่า ไบต์แดนซ์(ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของติ๊กต็อกไม่ใช่สายลับของจีนหรือประเทศใด ติ๊กต็อกไม่เคยแบ่งปัน หรือได้รับคำขอให้แบ่งปันข้อมูลของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ให้แก่รัฐบาลจีน และจะไม่มีวันทำเช่นนั้นหากได้รับคำขอซีอีโอติ๊กต็อกยังใช้โอกาสนี้แจ้งคณะกรรมาธิการฯ ว่า ได้ดำเนินโครงการที่มีชื่อว่า โปรเจกท์เท็กซัส (Project Texas) เพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ ด้วยการให้ข้อมูลในสหรัฐฯ อยู่ในความดูแลของแผนกที่อยู่ในสหรัฐฯ เท่านั้น ติ๊กต็อกได้ใช้เงินไปกับโครงการนี้แล้ว 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 51,150 ล้านบาท) และจ้างงานคนในสหรัฐฯ 1,500 คน ดำเนินโครงการนี้
รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ยื่นคำขาดให้ติ๊กต็อกแยกตัวออกจากไบต์แดนซ์ ไม่เช่นนั้นจะถูกสั่งห้ามใช้งานในสหรัฐอย่างเด็ดขาด ซึ่งจะกระทบต่อผู้ใช้งานที่มีเดือนละ 150 ล้านราย สส.แคที แมคมอร์ริส รอดเจอร์ส ประธานคณะกรรมาธิการฯ จากพรรครีพับลิกันกล่าวว่า ชาวอเมริกันมีสิทธิที่จะรู้ว่าความเป็นส่วนตัวของพวกเขาตกอยู่ในอันตรายมากน้อยเพียงใด และข้อมูลของพวกเขาถูกฉวยประโยชน์มากน้อยเพียงใดจากการที่บริษัทแม่ของติ๊กต็อกมีความสัมพันธ์กับจีน สส.รอดเจอร์สกล่าวว่า ที่น่ากลัวคือบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น ติ๊กต็อก ได้นำอัลกอริธึ่มที่เป็นอันตรายมาฉวยประโยชน์จากเด็กเพื่อหากำไร และทำให้เด็กเสี่ยงอันตรายต่อเนื้อหาในออนไลน์