วอชิงตัน (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - ซีอีโอติ๊กต็อกให้การต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ในระหว่างการถูกซักฟอกนานกว่า 5 ชั่วโมง ยืนยันไม่เคยเปิดเผยข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐฯ ต่อจีน และทุ่มลงทุนนับพันล้านดอลลาร์เพื่อปกป้องข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐฯ 150 ล้านคน
โซว จื่อ โจว (Shou Zi Chew) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอติ๊กต็อก วัย 40 ปี ชาวสิงคโปร์ ให้การต่อคณะกรรมาธิการพลังงานและพาณิชย์ สภาผู้แทนสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เวลา 10.00 น.วันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐฯ ตรงกับเวลา 21.00 น. คืนวันพฤหัสบดีตามเวลาในไทย โดยยืนยันว่า ติ๊กต็อกไม่ได้ส่งเสริม หรือลบทิ้งเนื้อหาใดๆ ตามคำขอของรัฐบาลจีน เขาปฏิเสธซ้ำๆ หลายครั้งตลอดการให้การนานกว่า 5 ชั่วโมง ว่า ติ๊กต็อกไม่ได้เปิดเผยข้อมูลต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือมีสายสัมพันธ์กับพรรคคอมมิวนิสต์จีนแต่อย่างใด และยืนยันว่า ติ๊กต็อกทำทุกอย่างเพื่อรับประกันความปลอดภัยของข้อมูลของผู้ใช้ชาวอเมริกันทั้ง 150 ล้านคน
โจว ถูกคณะกรรมาธิการดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน รุมซักฟอกจี้ถามนานกว่า 5 ชั่วโมง เกี่ยวกับอิทธิพลของจีนที่มีต่อติ๊กต็อก แสดงความกังวลว่า ติ๊กต็อกอาจเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของสหรัฐฯ จากการที่เปิดข้อมูลผู้ใช้ให้แก่รัฐบาลจีน และกล่าวหาว่า วีดีโอสั้นบนติ๊กต็อกสร้างความเสียหายต่อสุขภาพจิตของเด็ก และแสดงความกังวลต่ออิทธิพลของติ๊กต็อกที่มีเหนือชาวอเมริกัน ขณะที่ในช่วงชั่วโมงสุดท้ายของการซักฟอก โจว สิ่งที่สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ กังวลมากที่สุด คือเรื่องการจัดเก็บข้อมูลของติ๊กต็อก และใครบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีน ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้
แต่ดูเหมือนว่า คำชี้แจงและคำยืนยันของโจวทั้งหมดข้างต้น จะมิอาจช่วยคลายความกังวลของสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ที่มีต่อบริษัท ไบต์แดนซ์ บริษัทแม่ของติ๊กต็อกที่มีฐานอยู่ในจีนได้เลย ซ้ำยังทำให้สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ เรียกร้องครั้งใหม่ ให้ห้ามใช้ติ๊กต็อกทั่วสหรัฐฯ อีกด้วย สื่อต่างประเทศรายงานไปในทิศทางเดียวกันว่า ไม่มีสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ แม้แต่คนเดียว ที่แสดงการสนับสนุนหรือเห็นใจติ๊กต็อกหลังฟังคำยืนยันต่างๆ ของโจว พวกเขายังคงเห็นว่าคำตอบของโจวที่เกี่ยวกับจีนนั้น เลื่อนลอย และแสดงความกังวลต่ออิทธิพลของติ๊กต็อกต่อเด็กๆ ในสหรัฐฯ สส.บางคนกล่าวหาติ๊กต็อกส่งเสริมเนื้อหาที่กระตุ้นให้เกิดรูปแบบการกินแบบผิดปกติในหมู่เด็กๆ ส่งเสริมการขายยาอย่างผิดกฎหมาย และหาประโยชน์ทางเพศที่ผิดกฎหมาย สมาชิกกรรมาธิการคนหนึ่งถึงกับบอกว่า ติ๊กต็อกอันตรายต่อเด็ก จนทำให้โจวไม่ให้ลูกๆ ของตัวเองใช้งาน
โจวตอบความกังวลเหล่านั้นว่า ประเด็นปัญหาพวกนี้เป็นปัญหาที่ซับซ้อน และไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะกับติ๊กต็อกเพียงแอปพลิเคชั่นเดียวเท่านั้น ยืนยันว่า ติ๊กต็อกได้ทุ่มเงินมากกว่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการรักษาความปลอดภัยข้อมูลผู้ใช้ ภายใต้โครงการที่มีชื่อว่า “โปรเจกท์ เท็กซัส”(Project Texas) ซึ่งใช้พนักงานเต็มเวลาเกือบ 1,500 คน และยังทำสัญญากับบริษัท ออเรเคิล คอร์ป เพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้ติ๊กต็อกในสหรัฐฯ นอกจากนี้ ติ๊กต็อกยังมีการกรองเนื้อหาที่อาจส่งผลกระทบต่อเด็กอย่างเข้มงวดด้วย
บรรดานักวิจารณ์ติ๊กต็อกก็ยังไม่พอใจคำชี้แจงของซีอีโอติ๊กต็อกในครั้งนี้ ระบุว่า ทางติ๊กต็อกล้มเหลวในการประกาศความพยายามใหม่ๆ เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ซึ่งโจวก็ถือโอกาสนี้ตอบโต้ข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยระบุว่า บริษัทสื่อสังคมออนไลน์อเมริกันแท้ๆ อย่างเฟซบุ๊ก ก็มีปัญหาเรื่องการเก็บข้อมูลและปกป้องความเป็นส่วนตัวผู้ใช้งาน จนถูกเคมบริดจ์ อนาลิสติกา บริษัทที่ปรึกษาด้านการเมืองของอังกฤษเมื่อปี 2018 จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก
ยังไม่ชัดเจนว่า รัฐสภาสหรัฐฯ จะตัดสินใจอย่างไร หลังเสร็จสิ้นการซักฟอกผู้บริหารสูงสุดติ๊กต็อกแล้ว จะผ่านกฎหมายเพิ่มอำนาจทางกฎหมายให้แก่รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน หรือไม่ เพื่อให้สั่งห้ามใช้ติ๊กต็อกในสหรัฐฯ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ขู่เจ้าของหุ้นในติ๊กต็อก ให้ถอนหุ้นออก มิฉะนั้นจะสั่งห้ามใช้ติ๊กต็อกในสหรัฐฯ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี