สื่อสิงคโปร์มองเลือกตั้งไทย ‘ตระกูลการเมือง’ยังมีบทบาทสูงโดยเฉพาะในชนบท
29 เม.ย.2566 The Straits Times นสพ.ท้องถิ่นของสิงคโปร์ เผยแพร่รายงานพิเศษ One family, five candidates: Political dynasties rule rural Thailand ว่าด้วยการเมืองในประเทศไทย ที่ล่าสุดกำลังจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในวันที่ 14 พ.ค. 2566 ซึ่ง “ตระกูลการเมือง (Political Dynasty)” หรือ “บ้านใหญ่” ยังคงมีบทบาทสำคัญในสังคมไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ “ชนบท (Rural)” ของประเทศ
รายงานข่าวเริ่มยกตัวอย่างจากระดับท้องถิ่น ที่ จ.สระแก้ว ทางภาคตะวันออกของไทย ที่นั่น “เทียนทอง (Thienthong)” คือตระกูลใหญ่ผู้มีบทบาทนำในพื้นที่มาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 (ปี 2513-2522) โดยตระกูลเทียนทองประสบความสำเร็จในธุรกิจโลจิสติกส์บริเวณชายแดนด้านตะวันออก รวมถึงพรมแดนไทย-กัมพูชา พร้อมกับยกตัวอย่างนักการเมืองตระกูลนี้ที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน
เช่น ตรีนุช เทียนทอง (Treenuch Thienthong) สังกัดพรรคพลังประชารัฐ โดยในการเมืองลือกตั้งเมื่อปี 2562 เมื่อพรรคได้เป็นรัฐบาล ตรีนุช ก็มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึง ขวัญเรือน เทียนทอง (Kwanruen Thienthong) ที่อยู่สังกัดพรรคพลังประชารัฐเช่นกัน ซึ่งในการเลือกตั้งปี 2566 ทั้งคู่ลงสมัคร ส.ส. ในพื้นที่ จ.สระแก้ว โดย ขวัญเรือน ลงสมัครเขต 1 ขณะที่ ตรีนุช ลงสมัครเขต 2
แต่อีกด้านหนึ่ง ก็มีนักการเมืองตระกูลเทียนทองอยู่ในสังกัดพรรคเพื่อไทย พรรคการเมืองคู่แข่งสำคัญของพรรคพลังประชารัฐ คือ สรวงศ์ เทียนทอง (Sorawong Thienthong) และ สุรชาติ เทียนทอง (Surachart Thienthong) โดย สรวงศ์ ลงสมัคร ส.ส. ใน จ.สระแก้ว เขต 3 ขณะที่ สุรชาติ ลงสมัคร ส.ส. ในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ เขต 8 อย่างไรก็ตาม สรวงศ์ ยืนยันว่า แม้จะมีจุดยืนทางการเมืองแตกต่างกันแต่ก็ยังมีความเป็นครอบครัวเดียวกัน
จากท้องถิ่นสู่ระดับชาติ “ชินวัตร (Shinawatra)” คือตระกูลการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศไทย นับตั้งแต่ ทักษิณ ชินวัตร (Thaksin Shinawatra) มหาเศรษฐีด้านโทรคมนาคม ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2544 และแม้จะถูกรัฐประหารในปี 2549 จนต้องลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ แต่ก็ยังคงมีอิทธิพลกับการเมืองไทยจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งการจัดอันดับมหาเศรษฐีโดยนิตยสาร Forbes ยังชี้ว่า ตระกูลชินวัตรมีความมั่งคั่งร่ำรวยเป็นอันดับที่ 14 ของไทย ด้วยมูลค่าทรัพย์สินที่มากกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ทักษิณ กล่าวอ้างเสมอว่าเหตุที่ต้องลี้ภัยในต่างประเทศ เนื่องด้วยข้อหาทุจริตที่ตนถูกกล่าวหานั้นมีแรงจูงใจทางการเมือง ขณะที่ประเทศไทย น้องสาวอย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (Yingluck Shinawatra) ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีช่วงปี 2554-2557 รวมถึงล่าสุดกับการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 พ.ค. 2566 แพทองธาร ชินวัตร (Paetongtarn Shinawatra) ลูกสาวของทักษิณ ก็เป็นหนึ่งในรายชื่อที่ พรรคเพื่อไทย เสนอชิงเก้าอี้นายกฯ
ในมุมของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ยกตัวอย่าง จ.สระแก้ว มีผู้ให้เหตุผลที่สนับสนุนนักการเมืองตระกูลเทียนทอง เพราะเป็นตระกูลที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านในกิจกรรมหรืองานประเพณีต่างๆ ตามที่ชาวบ้านร้องขออยู่เสมอ ซึ่งเป็นตัวอย่างภาพการเมืองในพื้นที่ชนบทของไทย ที่ตระกูลการเมืองได้รับความนิยมผ่านการใช้บทบาทส่วนบุคคลและบทบาททางการเมืองเพื่อช่วยเหลือประชาชนในท้องถิ่น
ผาสุก พงษ์ไพจิตร (Pasuk Phongpaichit) ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายการเกิดขึ้นของตระกูลการเมือง ว่า ย้อนไปในทศวรรษ 1970-1980 (ปี 2513-2532) โครงสร้างระบบในยุคนั้นมีช่องทางเอื้อให้สามารถอาศัยสายสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่รัฐระดับท้องที่ ทั้งทหาร ตำรวจและพลเรือน สร้างฐานอำนาจและความมั่งคั่ง ซึ่งเมื่อมีสิ่งเหล่านี้มากพอ ก็สามารถต่อยอดด้วยการเข้าสู่การเมือง
แต่สิ่งที่ต้องจับตามองนั้นอยู่ที่การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนรุ่นใหม่เมื่อปี 2563 และการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยน โดย ผาสุก กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มี 2 ระบบ ระหว่างพรรคที่ถูกครอบงำโดยตระกูลการเมือง กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งรุ่นใหม่ที่มีแนวโน้มที่จะหาพรรคที่มีอุดมการณ์และโครงการระยะยาวที่น่าสนใจกว่า ดังนั้นครั้งนี้ใครจะชนะจึงยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก
รายงานข่าวยังกล่าวด้วยว่า แม้ ส.ส. จะมีเงินเดือน 4,670 เหรียญสิงคโปร์ หรือประมาณ 1.2 แสนบาท ซึ่งไม่มากหากมองจากครัวเรือนที่ร่ำรวยเป็นพิเศษ แต่สถานะดังกล่าวสามารถสร้างผลกำไรสูงให้กับผลประโยชน์ทางธุรกิจได้ -009
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี