โรม/สหประชาชาติ (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส) - นักวิจัยชี้ว่า อุทกภัยครั้งใหญ่ในรอบศตวรรษที่แคว้นเอมีเลีย-โรมัญญา ทางตอนเหนือของอิตาลีซึ่งคร่าชีวิตคนไปแล้วกว่า 20 ศพ เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งชี้ว่าวิกฤตสภาพภูมิอากาศกำลังรุนแรงขึ้น
นักวิจัยของสถาบันวิจัยเพื่อการปกป้องทางธรณีอุทกของอิตาลีแถลงว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้ภัยแล้งทวีความรุนแรงเพราะทำให้ดินยิ่งแห้งและแน่นขึ้น ทำให้น้ำซึมผ่านได้น้อยลง ดังนั้นเมื่อมีฝนตกหนักในช่วงเวลาสั้นๆ ดินจึงไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ได้ น้ำส่วนเกินจึงไหลลงสู่แม่น้ำจนน้ำล้นตลิ่ง สำนักงานป้องกันภัยพลเรือนอิตาลีแจ้งเมื่อวันศุกร์ว่า ฝนตกหนัก 36 ชั่วโมงในวันพุธ ซึ่งมีปริมาณน้ำฝนมากเท่ากับฝนตกตลอดครึ่งปีส่งผลให้แม่น้ำในแคว้นเอมีเลีย-โรมัญญามีน้ำล้นตลิ่งมากกว่า 20 สาย ส่งผลให้เกิดดินถล่มตามมาเป็นระลอกถึง 280 แห่ง มีผู้เสียชีวิตเพราะน้ำท่วมและดินถล่มแล้ว 20 ศพ ประชาชนมากถึง 20,000 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน และไม่มีไฟฟ้าใช้ 27,000 คน ขณะที่สมาคมการเกษตรแห่งหนึ่งเผยว่ามีไร่นามากกว่า 5,000 แห่งจมน้ำ รวมถึงพื้นที่ที่เป็นแหล่งปลูกผลไม้ ข้าวโพดและธัญพืช และมีรายงานปศุสัตว์จมน้ำตาย
นักสิ่งแวดล้อมบางคนตำหนิรัฐบาลอิตาลีว่า ขาดการเตรียมพร้อม ทั้งที่วิกฤตสภาพภูมิอากาศมีผลกระทบต่อชีวิตผู้คน สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ อิตาลีมีสภาพภูมิประเทศที่เสี่ยงภัยอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่จะทำให้สภาพอากาศเลวร้ายมีความรุนแรงขึ้นและเกิดถี่ขึ้น โดยเสี่ยงเกิดดินถล่มและเสี่ยงได้รับผลกระทบจากพายุรุนแรงเนื่องจากล้อมรอบด้วยทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ส่วนสถานการณ์ในเมียนมาหลังประสบภัยจากพายุไซโคลนโมคาพัดถล่มเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ล่าสุด แอนเธีย เว็บบ์รองผู้อำนวยการขององค์การอาหารโลกของสหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ ว่า ไซโคลนโมคาทำให้เกิดความเสียหายทั่วรัฐยะไข่ บ้านเรือนพังทั้งหลัง ถนนถูกตัดขาดเนื่องจากต้นไม้ใหญ่ล้มปิดกั้นเส้นทาง โรงพยาบาล และโรงเรียนถูกทำลายเสียหาย ประชาชนอย่างน้อย 800,000 คน ต้องการความช่วยเหลือด้านอาหารเป็นการเร่งด่วน
ก่อนหน้านี้คณะโฆษกรัฐบาลทหารเมียนมากล่าวในแถลงการณ์ว่า มีผู้เสียชีวิตจากไซโคลนลูกนี้จำนวน 145 ศพโดยเป็นทหาร 4 นาย ชาวบ้าน 24 ราย และชาว “เบงกาลี”117 ราย ชาวเบงกาลีเป็นคำที่ทางการเมียนมาใช้เรียกชาวมุสลิมโรฮีนจา ซึ่งอาศัยในรัฐยะไข่ เรือของกองทัพเรือและกองทัพอากาศได้จัดส่งข้าวสารไปยังพื้นที่ประสบภัย เจ้าหน้าที่ไฟฟ้า เจ้าหน้าที่ดับเพลิง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายพันคน ได้ลงไปในพื้นที่แล้วเที่ยวบินต่างๆ ให้บริการตามปกติแล้วที่สนามบินชิตตเว เมืองเอกของรัฐยะไข่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากหน่วยงานนานาชาติบางแห่ง รวมถึงองค์การอาหารโลก เริ่มลงพื้นที่แล้วเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี