กัวลาลัมเปอร์ (รอยเตอร์/อัลจาซีรา/อาร์ทีเอ็ม) - นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่า มาเลเซียจะรอดได้ ก็ต่อเมื่อต้องมีการปฏิรูป และมีการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ อย่าง
เว็บไซต์สถานีโทรทัศน์อัลจาซีร่า รายงานว่า นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ให้สัมภาษณ์หลังจากที่เข้ามาดำรงตำแหน่งนาน 6 เดือน ว่า มาเลเซียจำเป็นต้องปฏิรูปและมีการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ อย่าง ประเทศจึงจะไปรอด โดยเขาตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงการเมืองมาเลเซียจากที่เคยดำเนินการตามนโยบายที่เอื้อต่อคนบางเชื้อชาติ ไปเป็นนโยบายที่จำเป็นต่อทุกคนแทน
ที่ผ่านมา มาเลเซียเป็นประเทศที่มีหลายเชื้อชาติ แต่นโยบายทางการเมืองเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มคนส่วนใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วยชาวมุสลิมมาเลย์และชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในประเทศมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1970 โดยนโยบายต่างๆ ล้วนมอบสิทธิพิเศษแก่กลุ่มคนเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา, การงาน และที่อยู่อาศัย นำไปสู่เหตุขัดแย้งทางด้านเชื้อชาติครั้งใหญ่ ระหว่างชาวมุสลิมมาเลย์ กับชนพื้นเมืองชาวจีนเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 1969
แต่ที่สำคัญคือ นโยบายดังกล่าวที่ควรจะถูกใช้เพียงชั่วคราว แต่กลับใช้ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็สร้างความไม่พอใจแก่บรรดาชาวจีนและอินเดีย ที่เป็นชนกลุ่มน้อยในมาเลเซีย รวมถึงทำให้หลายคนตัดสินใจย้ายประเทศเพื่อไปแสวงหาโอกาสที่ดีกว่า นอกจากนี้ ยังมีปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางรายได้ที่ค่อนข้างมากในมาเลเซีย ทำให้เกิดคำถามว่า นโยบายต่างๆ เข้าถึงผู้ที่ต้องการมากที่สุดหรือไม่ โดยสำหรับนายอันวาร์แล้ว นโยบายที่จำเป็นต่อทุกคนจะช่วยเหลือชาวมาเลเซียได้มากกว่านโยบายที่เอื้อต่อกลุ่มคนบางเชื้อชาติ เนื่องจากมันได้รับการพิสูจน์แล้วว่า เข้าถึงเฉพาะกลุ่มคนชั้นนำเพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้น
นักวิเคราะห์มองว่า การแก้ไขปัญเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ แม้ว่านายอันวาร์ เป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนแรกที่มาจากพรรคที่ประกอบไปด้วยสมาชิกหลากหลายเชื้อชาติ เนื่องจากพรรคของเขาไม่ได้รับที่นั่งมากพอที่จะตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ดังนั้น ยังจำเป็นต้องพึ่งพาพรรคพันธมิตรจากพรรคอื่นๆ และหนึ่งในนั้นคือพรรคแนวร่วมแห่งชาติ (BN) ที่ครองอำนาจมายาวนาน ซึ่งมีสมาชิกเป็นชาวมุสลิมมาเลย์ทั้งหมด
นายอันวาร์ที่ปัจจุบันอายุ 75 ปี ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย หลังชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองมาเลเซียพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุด
ในอดีตเขาเคยเป็นอดีตผู้นำกลุ่มนักศึกษา และได้ก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 2 ต่อจาก มหาเธร์ โมฮัมหมัด ในช่วงทศวรรษที่ 1990 จากนั้นเขาถูกไล่ออกหลังถูกกล่าวหาว่าทำเรื่องอื้อฉาว และเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจเอเชีย ก่อนจะถูกตัดสินจำคุก 2 ครั้ง ในข้อหาที่คนส่วนใหญ่มองว่ามีแรงจูงใจทางการเมือง นำไปสู่การเรียกร้องให้มีการปฏิรูปเรื่องนี้มานานกว่า 20 ปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี