วันที่ 7 กรกฎาคม 2566 สำนักข่าว CNN สหรัฐอเมริกา เสนอรายงานพิเศษ What are the cluster munitions the US is expected to supply Ukraine and why are they so controversial? ว่าด้วย “ระเบิดลูกปราย (Cluster Bombs หรือ Cluster Munitions)” อาวุธที่คาดว่ารัฐบาลสหรัฐฯ อาจส่งไปให้ยูเครนใช้ต่อสู้กับรัสเซีย โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว CNN ได้รายงานว่า คณะผู้บริหารของสหรัฐฯ นำโดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Joe Biden) กำลังพิจารณาในเรื่องนี้ และเมื่อเป็นข่าวก็ได้กลายเป็นข้อถกเถียงอย่างกว้างขวาง
ระเบิดลูกปรายเป็นกระป๋องบรรจุลูกระเบิดขนาดเล็กหลายสิบถึงหลายร้อยลูก หรือที่เรียกว่ากระสุนย่อย กระป๋องสามารถทิ้งจากเครื่องบิน ยิงจากขีปนาวุธ หรือยิงจากปืนใหญ่ ปืนใหญ่เรือ หรือเครื่องยิงจรวด กระป๋องจะแตกออกตามความสูงที่กำหนด ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของเป้าหมายที่ต้องการ และลูกระเบิดข้างในจะกระจายออกไปทั่วบริเวณนั้น พวกมันถูกหลอมรวมโดยตัวจับเวลาเพื่อระเบิดเข้าใกล้หรือบนพื้น กระจายกระสุนที่ออกแบบมาเพื่อสังหารทหารหรือทำลายยานเกราะ เช่น รถถัง
สหรัฐฯ มีระเบิดลูกปรายแบบที่เรียกว่า DPICM หรือระเบิดแบบสองวัตถุประสงค์ที่ได้รับการปรับปรุง (Dual-Purpose Improved Conventional Munitions) ซึ่งไม่ได้ใช้งานแล้วหลังจากเลิกใช้ในปี 2559 ตามบทความในเว็บไซต์ eArmor ของกองทัพสหรัฐฯ DPICM ที่สหรัฐฯ จะส่งมอบให้ยูเครนนั้นถูกยิงจากปืนครกขนาด 155 มม. โดยแต่ละกระบอกบรรจุลูกระเบิดได้ 88 ลูก ลูกระเบิดแต่ละลูกมีระยะการสังหารประมาณ 10 ตารางเมตร
ดังนั้นกระป๋องเดียวจึงสามารถครอบคลุมพื้นที่ได้ถึง 30,000 ตารางเมตร (ประมาณ 7.5 เอเคอร์ หรือราว 19 ไร่) ขึ้นอยู่กับความสูงที่ปล่อยลูกระเบิดออกมา ลูกระเบิดใน DPICM มีรูปร่างเป็นประจุที่เมื่อโจมตีรถถังหรือรถหุ้มเกราะ สามารถสร้างไอพ่นโลหะที่เจาะเกราะโลหะ และแม้จะต้องใช้ลูกระเบิด 10 ลูกขึ้นไปเพื่อทำลายรถหุ้มเกราะ แต่การใช้เพียงลูกเดียวก็เพียงพอสำหรับหยุดการใช้งานอาวุธของรถหุ้มเกราะหรือทำให้พาหนะนั้นไม่สามารถเคลื่อนที่ได้
รายงานของ CNN กล่าวต่อไปว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งดำเนินมาตั้งแต่เดือน ก.พ. 2565 กองทัพของทั้ง 2 ฝ่ายมีการใช้ระเบิดลูกปรายในการสู้รบ อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ ยูเครนเพิ่งใช้ระเบิดลูกปรายที่ตุรกีเป็นผู้จัดหาให้ ถึงกระนั้น ทางการยูเครนก็เรียกร้องให้สหรัฐฯ ส่งอาวุธดังกล่าวมาสนับสนุน โดยให้เหตุผลว่ายูเครนจะจัดหากระสุนให้มากขึ้นสำหรับระบบปืนใหญ่และจรวดของตะวันตก และช่วยลดความเหนือกว่าเชิงจำนวนของรัสเซียในด้านปืนใหญ่
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาระเบิดลูกปรายเป็นอาวุธที่มีข้อถกเถียงอย่างกว้างขวางว่าสมควรนำมาใช้หรือไม่ เมื่อลูกระเบิดตกลงมาเป็นบริเวณกว้าง พวกมันอาจทำอันตรายต่อผู้ที่ไม่ได้ต่อสู้ได้ ขณะที่คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ ระบุว่า ร้อยละ 10-40 ของอาวุธเหล่านี้เมื่อถูกปล่อยออกไปแล้วไม่ได้ทำงานในทันที แต่ไปตกค้างอยู่ในพื้นที่ซึ่งอาจเป็นอันตรายกับผู้คนที่เข้าไปทำกิจกรรมบริเวณนั้นในภายหลังได้
ในปี 2565 กิลเลส คาร์บอนเนียร์ (Gilles Carbonnier) รองประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศกล่าวในการประชุมเกี่ยวกับอาวุธยุทโธปกรณ์ในสวิตเซอร์แลนด์ ว่า ระเบิดลูกปรายยังคงเป็นหนึ่งในอาวุธที่อันตรายที่สุดในโลก ทำให้มนุษย์ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างกว้างขวางเพราะคร่าชีวิตและทำให้พิการอย่างไม่เลือกเป้าหมาย ดังนั้นการใช้ไม่ว่าโดยฝ่ายไหนหรือที่ใดล้วนสมควรถูกประณาม
ขณะที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวต่อต้านการใช้ระเบิดลูกปราย อ้างถึงลาวและเวียดนาม ซึ่งแม้จะผ่านมากว่า 50 ปีแล้ว แต่ก็ยังมีอาวุธดังกล่าวตกค้างอยู่ รวมไปถึงองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนอย่าง ฮิวแมน ไรท์ วอทซ์ ออกรายงานในวันที่ 7 ก.ค. 2566 ระบุว่า รัสเซียและยูเครนยังคงใช้ระเบิดลูกปรายในการสู้รบซึ่งทำให้มีพลเรือนถูกสังหาร โดยการใช้อาวุธเพื่อโจมตีกองทหารหรือยานพาหนะของข้าศึกนั้นไม่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ แต่การโจมตีพลเรือนด้วยอาวุธอาจถือเป็นอาชญากรรมสงคราม
ทั้งนี้ มี 123 ประเทศ ที่เข้าร่วมอนุสัญญาว่าด้วยกลุ่มอาวุธยุทโธปกรณ์ (CCM) ซึ่งห้ามการกักตุน ผลิตและถ่ายโอนอาวุธประเภทระเบิดลูกปรายด้วย แต่ทั้งสหรัฐฯ รัสเซีย ยูเครน และชาติอื่นๆ อีก 71 ประเทศ ไม่ได้เข้าร่วม โดยระเบิดลูกปรายนั้นเริ่มใช้งานมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และในความขัดแย้งมากกว่า 30 ครั้งตั้งแต่นั้นมา สำหรับสหรัฐฯ มีการใช้ล่าสุดในสงครามที่อิรัก ช่วงปี 2546-2549 กระทั่งในปี 2560 กองทัพสหรัฐฯ แถลงว่า ได้ทยอยเลิกใช้อาวุธดังกล่าวแล้วตั้งแต่ปี 2559 เนื่องจากเป็นอันตรายต่อพลเรือน
ขอบคุณเรื่องจาก
https://edition.cnn.com/2023/07/07/europe/cluster-munitions-us-ukraine-aid-explainer-intl-hnk-ml/index.html
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี