พนมเปญ (เอเอฟพี/บีบีซี นิวส์) - นายกรัฐมนตรี ฮุน เซน เตรียมประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศ หลังครองอำนาจมาอย่างยาวนาน เพื่อเตรียมส่งมอบตำแหน่งต่อให้บุตรชายคนโต หลังพรรครัฐบาลของเขาชนะการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์แบบถล่มทลาย
ฮุน เซน วัย 70 ปี แถลงผ่านรายการพิเศษทางสถานีโทรทัศน์ที่มีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศวานนี้ (26 ก.ค.) ว่า เขาขอให้ประชาชนกัมพูชาเข้าใจถึงความตั้งใจของเขาที่จะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะการอยู่ในตำแหน่งต่อไปหลังผ่านพ้นการเลือกตั้งไปแล้วอาจส่งผลให้รัฐบาลใหม่ขาดเสถียรภาพ แต่เขาจะยังคงทำหน้าที่ผู้นำพรรคประชาชนกัมพูชา หรือซีพีพี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลต่อไป หลังจากพรรคซีพีพีของเขา คว้าชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์ ได้เสียงสนับสนุนร้อยละ 84.6 ได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร 120 ที่นั่งจากทั้งหมด 125 ที่นั่ง นอกจากนี้ เขาจะยังดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา และทำหน้าที่ประมุขของประเทศ ในกรณีที่กษัตริย์ของกัมพูชาเสด็จพระราชดำเนินไปต่างประเทศ
ฮุน เซน บอกด้วยว่า ฮุน มาเนต บุตรชายคนโตวัย 45 ปีซึ่งเป็นนายพล 4 ดาวแห่งกองทัพบก ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยแรกด้วย และเตรียมเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนใหม่ต่อจากตัวเขา ในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ ซึ่งเขาขอให้ประชาชนชาวกัมพูชาสนับสนุน ฮุน มาเนต ในฐานะนายกรัฐมนตรีและผู้นำประเทศคนใหม่ด้วย โดยก่อนหน้านี้ ในช่วงเช้าของวันพุธ ฮุน เซน ได้เดินทางไปเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี ที่พระราชวังในกรุงพนมเปญ เพื่อแจ้งข่าวการเตรียมลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว
ฮุน เซน ดำรงตำแหน่งผู้นำกัมพูชามายาวนานตั้งแต่ปี 1985 และครองอำนาจบริหารประเทศแบบเบ็ดเสร็จ ด้วยการปราบปรามกลุ่มการเมืองฝ่ายค้านและบรรดาผู้เห็นต่างอย่างหนัก เห็นได้จากการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ ที่ทางการใช้ช่องทางกฎหมายสกัดกั้นพรรคแสงเทียน พรรคฝ่ายค้านที่เป็นคู่แข่งสำคัญ ไม่ให้ส่งผู้แทนลงชิงชัยในการเลือกตั้ง อ้างว่าส่งเอกสารการเลือกตั้งล่าช้า ส่งผลพรรคซีพีพีแทบไม่มีคู่แข่งในการเลือกตั้งจนคว้าชัยชนะอย่างไม่ยากเย็น
แม้รัฐบาลกัมพูชาจะอ้างว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ประสบความสำเร็จ และเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม แต่ชาติตะวันตก รวมถึงสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป วิจารณ์การเลือกตั้งของกัมพูชาครั้งนี้ว่าไม่โปร่งใสและไม่ยุติธรรม ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนมองว่า การที่ ฮุน เซน ประกาศให้บุตรชายคนโตดำรงตำแหน่งต่อในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นเหมือนการส่งต่ออำนาจบริหารประเทศให้กับคนในครอบครัว ไม่ต่างจากระบอบในเกาหลีเหนือ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี