ฮอโนลูลู/วอชิงตัน (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส/ซีเอ็นเอ็น) - เจ้าหน้าที่ในรัฐฮาวายของสหรัฐฯ ชี้แจงสาเหตุที่ไม่เปิดไซเรนเตือนภัยในช่วงที่ไฟป่าบนเกาะเมาวีโหมไหม้รุนแรง ซึ่งมีคนเสียชีวิตแล้ว 110 ศพ ขณะที่ผู้นำสหรัฐฯ เตรียมเดินทางลงพื้นที่ประสบไฟป่าสัปดาห์หน้า
หัวหน้าสำนักงานจัดการเหตุฉุกเฉินของเกาะเมาวี ที่ดูแลไซเรนเตือนภัย 80 ตัวแถลงข่าวเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่น ชี้แจงถึงสาเหตุที่ไม่เปิดไซเรนเตือนภัยในเมืองลาไฮนาที่เกิดไฟป่ารุนแรงเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ไซเรนใช้เตือนภัยสึนามิเป็นหลัก ประชาชนทราบว่าต้องหนีขึ้นไปยังที่สูงเมื่อได้ยินเสียงไซเรน ดังนั้นหากเปิดไซเรน ประชาชนก็จะพาขึ้นไปยังเนินเขาที่ไฟป่ากำลังโหมไหม้ หัวหน้าสำนักงานจัดการเหตุฉุกเฉินของเกาะเมาวีกล่าวด้วยว่า แม้จะเปิดไซเรน ผู้คนส่วนใหญ่ซึ่งอยู่ในบ้านติดเครื่องปรับอากาศก็จะไม่ได้ยินเสียงไซเรน นอกจากนี้ ช่วงเวลาดังกล่าวยังมีลมกระโชกแรงมากจนอาจกลบเสียงไซเรนได้ สำหรับเสียงไซเรนเตือนภัยดังกล่าวมีความดัง 121 เดซิเบล เทียบเท่ากับเสียงเครื่องบินเจ็ตเตรียมตัวทะยานขึ้นตามข้อมูลของสมาคมโสตสัมผัสวิทยาอเมริกัน
เมืองลาไฮนาบนเกาะเมาวีมีประชากรมากกว่า 12,000 คน สภาพในขณะนี้เหลือแต่เถ้าถ่าน ชาวเมืองหลายคนเผยว่า ทางการไม่แจ้งเตือนภัยไฟป่า พวกเขารู้ตัวเมื่อเห็นไฟป่าเกิดขึ้นต่อหน้าแล้วเท่านั้น นายกเทศมนตรีเกาะเมาวีตอบโต้เสียงวิจารณ์เรื่องทางการให้ความช่วยเหลือล่าช้าแก่ผู้ประสบภัยว่า มีแต่คนนอกที่ร้องเรียน เพราะคนในพื้นที่รู้ดีว่าเจ้าหน้าที่กำลังช่วยเหลือบ้านเกิดของตัวเองอย่างเต็มที่
ส่วนการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลก็เป็นไปอย่างล่าช้าเนื่องจากศพจำนวนมากถูกไฟเผาจนจำสภาพไม่ได้ รัฐบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพที่เคยทำงานจากเหตุการณ์โจมตี 11 กันยายน 2001 มาช่วยเจ้าหน้าที่บนเกาะเมาวีด้วย แต่ขณะนี้เพิ่งจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้เพียง 5 รายเท่านั้นและมีการระบุชื่อผู้เสียชีวิตแล้ว 2 คนคือ โรเบิร์ต ดีคแมน อายุ 74 ปี กับ บัดดี้ แจนท็อค อายุ 79 ปี ทั้งคู่เป็นชาวเมืองลาไฮนา
ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวแถลงว่าประธานาธิบดี โจ ไบเดน และนางจิล ไบเดน สตรีหมายเลขหนึ่ง จะเดินทางไปยังเมืองลาไฮนาบนเกาะเมาวี ในสัปดาห์หน้า เพื่อตรวจเยี่ยมสถานการณ์หลังเผชิญไฟป่าครั้งเลวร้ายและต้องการให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัยรวมทั้งพบปะกับเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังเดินหน้าปฏิบัติงานค้นหาผู้สูญหายอยู่ในเวลานี้ ผู้นำสหรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความลงในสื่อสังคมออนไลน์ รับปากว่าจะจัดส่งทุกอย่างให้กับประชาชนในรัฐฮาวายตามที่ต้องการในขณะที่กำลังอยู่ในการช่วงการฟื้นฟูหลังเผชิญไฟป่า หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีไบเดนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งใหญ่ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อให้การจัดส่งความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว
ในอีกด้านหนึ่ง แคนาดาสั่งอพยพชาวบ้านกว่า 2,000 คน ในเมืองเยลโลว์ไนฟ์ (Yellowknife) ซึ่งเป็นเมืองเอกของดินแดนนอร์ทเวสต์เทร์ริทอรีส์ ทางตอนเหนือสุดของประเทศ เนื่องจากมีคำเตือนว่าไฟป่าที่กำลังโหมไหม้อยู่ในขณะนี้อาจลามถึงชานเมืองภายในสุดสัปดาห์นี้ แคนาดากำลังมีไฟป่าเกิดขึ้นมากกว่า 1,000 จุดทั่วประเทศ ในจำนวนนี้ 230 จุดโหมไหม้ในดินแดนนอร์ทเวสต์เทร์ริทอรีส์ เมืองเยลโลว์ไนฟ์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อต้นสัปดาห์ คาดว่าจะขยายประกาศครอบคลุมทั้งดินแดนนอร์ทเวสต์เทร์ริทอรีส์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี