มอสโก (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส) - ทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียแจ้งว่า ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน เดินทางไปเยี่ยมศูนย์บัญชาการทหารในเมือง รอสตอฟ-นา-โดนู ที่ดูแลปฏิบัติการรุกยูเครน พร้อมรับฟังความคืบหน้าจากปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน

แถลงการณ์ของทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียระบุว่า ประธานาธิบดีได้เยี่ยมศูนย์บัญชาการของกองทัพในเมืองรอสตอฟ-นา-โดนู แคว้นรอสตอฟ ที่อยู่ทางใต้ ระหว่างเดินทางกลับจากเมืองเปียร์มแถบเทือกเขาอูราล โดยมีนายพลวาเลรี เกราซิมอฟ ประธานคณะเสนาธิการทหารรายงานความคืบหน้าปฏิบัติการรุกยูเครนที่รัสเซียเปิดฉากมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2565 และดำเนินต่อเนื่องมานานร่วม 1 ปี 8 เดือนแล้ว โดยนายพลเกราซีมอฟ ระบุว่า กองทัพรัสเซียกำลังทำหน้าที่ตามแผนการที่วางไว้

ทั้งนี้ หลังจากที่ยูเครนประกาศเมื่อวันอังคารว่า ได้ใช้ระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธีของกองทัพบก (Army Tactical Missile System - ATACMS) เป็นครั้งแรกผู้นำรัสเซียกล่าวในวันถัดมาว่า ระบบขีปนาวุธดังกล่าวที่ยูเครนได้รับจากสหรัฐและมีพิสัยยิงไกล 165 กิโลเมตร จะไม่มีผลต่อการทำสงคราม แต่จะทำให้ยูเครนเจ็บปวดทรมานนานยิ่งขึ้นเท่านั้น พร้อมกับชี้ว่าแผนการตอบโต้กลับของกองทัพยูเครนล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ขณะเดียวกันชาติตะวันตกที่คอยหนุนหลังยูเครนมาโดยตลอดก็มีท่าทีที่อ่อนลงกว่าที่เคยเป็นก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมรัสเซีย เผยคลิปวีดีโอเป็นภาพของ“อาวองการ์ด” ขีปนาวุธวิถีโค้งข้ามทวีปแบบแยกส่วน และการเคลื่อนย้ายขีปนาวุธขนาดใหญ่ โดยนำไปติดตั้งที่ฐานยิง ซึ่งกระบวนการนี้ใช้เวลาหลายชั่วโมง แผนการนำขีปนาวุธความเร็วเหนือทางยุทธศาสตร์เข้าสู่กองทัพในปีนี้ จะเพิ่มศักยภาพในการสู้รบของกองกำลังนิวเคลียร์รัสเซีย

ทั้งนี้ ระบบขีปนาวุธ“อาวองการ์ด”เป็นได้ทั้งขีปนาวุธที่มีการจุดระเบิดแบบขับดัน หรือเป็นหัวรบที่ติดตั้งบนขีปนาวุธข้ามทวีป ซึ่งหัวรบจะแยกตัวออกและพุ่งเข้าหาเป้าหมายในภายหลัง ด้วยการนำวิถีของพาหนะนำร่อน และยังมีระบบขับดันร่อน ที่ช่วยให้การยิงขีปนาวุธ พุ่งสู่เป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ยังมีระบบนำกลับช่วยลดระดับความสูงของขีปนาวุธลงมาอยู่ในชั้นบรรยากาศโลกเร็วขึ้น ก่อนร่อนต่อไปโดยไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงขับดันได้อีกหลายพันกิโลเมตร