มกรา’67 ‘กทม.’อันดับ2เมืองท่องเที่ยวยอดนิยม ‘ไทย’หวังชาวแดนมังกรแห่เยือนช่วงหยุดยาวตรุษจีน
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 สำนักข่าว Antara ของอินโดนีเซีย เสนอข่าว Agoda shares the top tourist destinations that got off to a great start of 2024 ระบุว่า อโกดา (Agoda) ผู้ให้บริการจองโรงแรมออนไลน์ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เผยอันดับเมืองยอดนิยมประจำเดือน ม.ค. 2567 ที่ผ่านมา โดยอ้างอิงจากยอดจองที่พักของนักท่องเที่ยว พบว่า ญี่ปุ่น ไทย และเวียดนาม เป็นผู้นำกลุ่มในฐานะตลาดชั้นนำที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตามมาอย่างใกล้ชิดคือมาเลเซียและเกาหลีใต้ ซึ่งครองตลาดขาเข้า 5 อันดับแรกสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจาะลึกในระดับเมืองแล้วพบว่า เมืองในญี่ปุ่นอย่างกรุงโตเกียว (อันดับ 1) และโอซากา (อันดับ 3) ยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องในช่วงปีใหม่ หลังจากที่ติดอันดับนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีที่แล้ว ขณะที่กรุงเทพฯ (อันดับ 2) ของไทย , กรุงโซล (อันดับ 4) ของเกาหลีใต้ และกรุงกัวลาลัมเปอร์ (อันดับ 5) ของมาเลเซีย ที่ได้รับความนิยมตลอดกาลก็ติดอันดับเช่นกัน แสดงให้เห็นเสน่ห์อันหลากหลายของเมืองในเอเชีย
ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นในฮอตสปอตในเมืองทั้งแบบดั้งเดิมและที่เกิดขึ้นใหม่ทั่วทั้งทวีป ผลการวิจัยนี้อิงจากอันดับการจองของอโกดาในเดือน ม.ค. 2567 บ่งชี้ถึงการเริ่มต้นปีที่แข็งแกร่งสำหรับจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวในเอเชีย อนึ่ง เมื่อเปรียบเทียบจำนวนการค้นหาที่พักระหว่างเดือน ม.ค. 2566 กับเดือน ม.ค. 2567 อินเดียเป็นประเทศที่มีผู้ค้นหาที่พักเพิ่มขึ้นมากที่สุด ตามมาด้วย ฮ่องกง ไต้หวัน เวียดนาม และอิตาลี ตามลำดับ ซึ่งก็มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงนี้ตอกย้ำถึงลักษณะที่ไม่หยุดนิ่งของเทรนด์การเดินทางและความน่าดึงดูดที่เพิ่มขึ้นของจุดหมายปลายทางที่หลากหลายเหล่านี้
ออมริ มอร์เกนชเทิร์น (Omri Morgenshtern) ซีอีโอของอโกดา กล่าวว่า ความน่าดึงดูดใจเป็นพิเศษของตลาดต่างๆ เช่น ญี่ปุ่น ไทย และเวียดนาม และเมืองต่างๆ เช่น โตเกียว และกรุงเทพฯ ยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการท่องเที่ยวถือเป็นวาระสำคัญของจุดหมายปลายทางยอดนิยมและเกิดใหม่หลายแห่ง ปี 2567 อาจเป็นปีที่ดีสำหรับการท่องเที่ยว อโกดาจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งเพื่อสนับสนุนสิ่งนี้โดยเสนอข้อเสนอที่ดีที่สุดแก่นักเดินทาง ช่วยให้พวกเขามองเห็นโลกได้ในราคาประหยัด
อีกด้านหนึ่ง สำนักข่าวซินหัวของจีน เสนอข่าว China’s travel boom buoys global expectations ระบุว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งประเทศจีนกำหนดให้เป็นวันหยุดยาวถึง 8 วัน บรรดาเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วโลก ต่างกำลังขะมักเขม้นเตรียมการต้อนรับนักท่องเที่ยวแดนมังกร อาทิ ที่ประเทศไทย นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน (Srettha Thavisin) เผยแพร่คลิปวีดีโอเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แสดงการต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน โดยนายกฯ ไทย คาดหวังว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนจะได้รับประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์และปลอดภัยในประเทศไทย
คลิปวีดีโอดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากไทยกับจีนบรรลุข้อตกลงยกเว้นวีซ่าร่วมกัน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวชาวจีนถือเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มใหญ่ที่สุดที่เดินทางไปเยือนประเทศไทย
ชนะพันธ์ แก้วกล้าไชยวุฒิ (Chanapan Kaewklachaiyawuth) รองประธานสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน กล่าวว่า ในฐานะพลเมืองไทย ตนรู้สึกตื่นเต้นมากกับข่าวนี้ เพราะจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางและเป็นกลไกที่ดีที่สุดในการเพิ่มผลกำไรทางเศรษฐกิจ ขณะที่ในช่วงเทศกาลตรุษจีนประจำปี 2567ที่จะมีวันหยุดระหว่างวันที่ 10-17 ก.พ. 2567 สมาคมฯ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนประมาณ 200,000-250,000 คน เดินทางเข้ามาในประเทศไทย
รายงานจากสื่อจีนกล่าวต่อไปว่า ในปี 2567 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ตั้งเป้าที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากจีนให้ได้ 8 ล้านคน ซึ่งมากกว่าตัวเลขจากปี 2566 ถึง 2 เท่า และคิดเป็นร้อยละ 75 ของจุดสูงสุดในปี 2562 ก่อนที่การท่องเที่ยวจะต้องหยุดชะงักจากสถานการณ์โรคคะบาดโควิด-19 อาทิ สิงคโปร์ ซึ่งลงนามข้อตกลงปลอดวีซ่ากับจีนเมื่อเดือน ม.ค. 2567 โดยภาคการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปี 2566 และชาวจีนแผ่นดินใหญ่มีการใช้จ่ายด้านนักท่องเที่ยวเป็นอันดับสูงสุด และยังคาดหวังว่าจะฟื้นตัวได้อีกในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการเชื่อมต่อเที่ยวบินทั่วโลกและความจุที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนการดำเนินการเดินทางโดยไม่ต้องขอวีซ่าร่วมกับจีนเป็นเวลา 30 วัน
ในทางกลับกัน ประเทศจีนเองก็กำลังหาแนวทางดึงดูดท่องเที่ยวทั้งที่เป็นชาวจีนและชาวต่างชาติ โดยเน้นชูจุดขายด้านวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น เช่น การแต่งกายที่โดดเด่น การเต้นรำแบบดั้งเดิม และอาหารเลิศรส อาทิ ที่เมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง ดินแดนที่ได้รับฉายา “เมืองแห่งน้ำแข็ง” ใช้ประโยชน์จากภูมิทัศน์ฤดูหนาวเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวน้ำแข็งและหิมะ โดยดึงดูดนักท่องเที่ยวมากกว่า 3 ล้านคนในช่วงวันหยุดปีใหม่ 3 วัน และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 5.91 ราย พันล้านหยวน (ประมาณ 831.6 ล้านเหรีญสหรัฐ) ซึ่งทั้งสองทำสถิติสูงสุด
ฟลิกกี (Fliggy) แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวในเครืออาลีบาบา เผยยอดจองสถานที่ท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศในช่วงตรุษจีนพุ่งสูงขึ้น โดยยอดจองทัวร์นอกประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่า 15 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2566 ทำให้มัคคุเทศก์ต่างพากันตื่นเต้น อาทิ ตันหมิงหยวน (Tan Mingyuan) ไกด์จากบริษัท GZL International Travel Service กล่าวว่า ลูกค้าต่างกระตือรือร้นที่จะสำรวจจุดหมายปลายทางในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ประเทศต่างๆ เช่น ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ยกเว้นข้อกำหนดวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน มันเหมือนกับการฟื้นฟูสำหรับทัวร์ทั้งแบบเดี่ยวและแบบกลุ่ม ซึ่งตนเพิ่งกลับมาจากพาลูกทัวร์ไปเที่ยวฟิลิปปินส์ และงานต่อไปคือเวียดนาม
สถาบันการท่องเที่ยวของจีน คาดการณ์ว่า ปี 2567 จะเป็นปีที่ยิ่งใหญ่สำหรับภาคการท่องเที่ยวของจีน ซึ่งจะเข้าสู่ "วงจรใหม่ที่รุ่งเรือง" นักท่องเที่ยวชาวจีนคาดว่าจะเดินทางภายในประเทศมากกว่า 6 พันล้านครั้งในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากเกือบ 4.9 พันล้านคนในปี 2566 ในขณะที่จำนวนการเดินทางออกนอกประเทศของนักท่องเที่ยวชาวจีนคาดว่าจะสูงถึง 130 ล้านคน เพิ่มขึ้นอย่างมากจากกว่า 87 ล้านคนในปีที่แล้ว
องค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) กล่าวว่า หลังจากปี 2566 ที่แข็งแกร่ง ในปี 2567 การท่องเที่ยวระหว่างประเทศก็มีแนวโน้มจะกลับคืนสู่ระดับก่อนเกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาด จากข้อมูลแรกของปีโดย UNWTO World Tourism Barometer ความต้องการที่ยังเหลืออยู่ การเชื่อมต่อทางอากาศที่เพิ่มขึ้น และการฟื้นตัวของตลาดและจุดหมายปลายทางในเอเชียที่แข็งแกร่งขึ้น น่าจะหนุนการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ภายในสิ้นปี 2567
ขอบคุณเรื่องจาก
https://en.antaranews.com/news/305172/agoda-shares-the-top-tourist-destinations-that-got-off-to-a-great-start-of-2024
https://english.news.cn/20240205/3594022c8d1d497e9a62f48d60c4c67d/c.html
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี