มอสโก/ดูชานเบ (รอยเตอร์ส) - ประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียยอมรับเป็นครั้งแรกว่า เหตุกราดยิงภายในสถานที่จัดคอนเสิร์ตชานกรุงมอสโกเมื่อวันศุกร์ เป็นฝีมือกลุ่มติดอาวุธมุสลิมหัวรุนแรงจริง แต่ลักษณะการก่อเหตุตรงกับที่ยูเครนเคยกระทำเพื่อหวังข่มขู่คุกคามรัสเซีย

ประธานาธิบดีปูตินแถลงว่า ผู้ที่ลงมือก่อเหตุกราดยิงภายในสถานที่จัดคอนเสิร์ตชานกรุงมอสโกเมื่อวันศุกร์ ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก อาจเป็นฝีมือของกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส ติดอาวุธมุสลิมหัวรุนแรงที่ถูกแบนในรัสเซียจริง แต่ฝ่ายใดได้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ซึ่งเมื่อเขาพิจารณาดูแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าวมีลักษณะการก่อเหตุหลายอย่างคล้ายกับที่นักรบภายใต้รัฐบาลนีโอนาซีของยูเครน เคยกระทำต่อรัสเซียหลายครั้งนับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา เพื่อหวังสร้างความวุ่นวายในสังคมของรัสเซีย ข่มขู่ให้ชาวรัสเซียตกใจกลัว แต่ชาวรัสเซียมีแต่เข้มแข็งและจะร่วมมือกันต่อต้านสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้

ที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียยังแสดงความกังขาต่อการที่สหรัฐฯ ยืนยันว่า กลุ่มรัฐอิสลามโคราซาน (Islamic State Khorasan -ISIS-K) ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในอัฟกานิสถานเครือข่ายเดียวกับกลุ่มไอเอส อยู่เบื้องหลังเหตุกราดยิงในสถานที่แสดงคอนเสิร์ตชานกรุงมอสโกเมื่อค่ำวันที่ 22 มีนาคม ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 139 ศพ บาดเจ็บ 182 คน

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวด้านความมั่นคงในทาจิกิสถานเผยว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนรัสเซียได้เดินทางมาสอบปากคำครอบครัวของกลุ่มผู้ต้องสงสัย 4 คน ที่ก่อเหตุกราดยิงในสถานที่แสดงคอนเสิร์ตชานกรุงมอสโก โดยเจ้าหน้าที่ความมั่นคงทาจิกิสถานได้นำครอบครัวของผู้ต้องสงสัย 4 คน เดินทางจากต่างเมืองเข้ามายังกรุงดูชานเบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัสเซียสอบปากคำ มีประธานาธิบดี เอมอมาลี เราะห์มาน ของทาจิกิสถานร่วมดูแลการสอบสวนด้วย ผู้นำทาจิกิสถานกล่าวถึงเหตุกราดยิงในรัสเซียว่า เป็นเหตุการณ์ที่น่าตำหนิและน่ากลัว และขอให้ชาวทาจิกิสถานดูแลบุตรหลานให้ห่างไกลจากอิทธิพลความคิดที่เป็นอันตราย

ทางการรัสเซียควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยชาวทาจิก 4 คนในข้อหาก่อการร้าย ฐานต้องสงสัยกราดยิงในสถานที่แสดงคอนเสิร์ตชานกรุงมอสโกเมื่อค่ำวันที่ 22 มีนาคม และควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยชาวทาจิกิสถานอีก 3 คน ฐานต้องสงสัยเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด