สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดี ดีนา โบลูอาร์เต ผู้นำเปรู ได้ออกคำสั่งเพิ่มเงินเดือนของตัวเองเป็นสองเท่า ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากสาธารณชน เนื่องจากคะแนนความนิยมของเธอร่วงต่ำลงเป็นประวัติการณ์เหลือเพียง 2% เท่านั้น

ตามการปรับขึ้นเงินเดือนครั้งใหม่นี้ ประธานาธิบดีโบลูอาร์เต จะได้รับเงินเดือนจากเดิม เดือนละ 15,600 โซล หรือกว่า 140,000 บาท ปรับขึ้นเป็น 35,568 โซล หรือกว่า 320,000 บาท ซึ่งสูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำรายเดือนของชาวเปรู เกือบ 35 เท่า

ราอุล เปเรซ เรเยส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจของเปรู ชี้แจงว่าการปรับขึ้นเงินเดือนประธานาธิบดีครั้งนี้มีขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับเงินเดือนของผู้นำประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค โดยระบุว่าก่อนหน้านี้เงินเดือนของประธานาธิบดีโบลูอาร์เต้จัดอยู่ในอันดับที่สองจากท้ายสุดในบรรดา 12 ประเทศในภูมิภาค ซึ่งมากกว่าผู้นำประเทศโบลิเวียเพียงประเทศเดียว

อย่างไรก็ตาม ข่าวการปรับขึ้นเงินเดือนครั้งนี้ได้จุดชนวนให้เกิดกระแสความไม่พอใจอย่างรุนแรง ชาวเปรูจำนวนมากมองว่าเป็นการไม่ใส่ใจ และการขึ้นเงินเดือนของเธอนั้นเกินกว่าเหตุ

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโบลูอาร์เต ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรง เธอขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนธันวาคม 2565 หลังจากอดีตประธานาธิบดีเปโดร กัสติโย ถูกถอดถอนจากตำแหน่ง และเธอซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีได้ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งแทนที่

นอกจากนี้ โบลูอาร์เตตกเป็นเป้าหมายโดยตรงของการสอบสวนในหลายกรณี รวมถึงข้อกล่าวหาว่าเธอไม่แจ้งทรัพย์สินที่ได้รับเป็นของขวัญ เช่น เครื่องประดับหรูและนาฬิกาแบรนด์เนม ซึ่งเป็นกรณีอื้อฉาวที่สื่อขนานนามว่า “โรเล็กซ์เกต”