สหประชาชาติ (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซีนิวส์) - คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สามารถออกข้อมติกำหนดให้หยุดยิงในฉนวนกาซาทันที หลังจากที่สหรัฐกลับลำไม่ใช้สิทธิ์วีโต้เหมือนครั้งก่อนๆ ทำความสัมพันธ์ระหว่างประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ร้าวฉานหนัก

สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี 14 ประเทศจากทั้งหมด 15 ประเทศลงมติเห็นชอบญัตติที่เสนอโดยสมาชิกหมุนเวียน 10 ประเทศ โดย ลินดา โทมันกรีนฟิลด์ ทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ได้ใช้สิทธิ์งดออกเสียงต่อข้อมติฉบับล่าสุดนี้ที่กำหนดให้หยุดยิงในกาซาโดยทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข เช่นเดียวกับให้ฮามาสปล่อยตัวประกันทั้งหมดในทันที ถือเป็นข้อมติของยูเอ็นเอสซี ที่กำหนดให้หยุดยิงฉบับแรก ตั้งแต่สงครามตะวันออกกลางปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนปีที่แล้ว เพราะก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ในฐานะ 1 ใน 5 สมาชิกถาวรได้ใช้สิทธิยับยั้ง หรือ วีโต้ขัดขวางร่างข้อมติที่คล้ายคลึงกันนี้มาแล้ว3 ครั้ง จึงสะท้อนว่า สหรัฐฯ ที่เป็นพันธมิตรที่แนบแน่นของอิสราเอล ได้เปลี่ยนจุดยืนและมีความขัดแย้งกันมากขึ้น เนื่องจากพยายามโน้มน้าวให้อิสราเอลลดการโจมตีและปกป้องพลเรือนแต่ไม่เกิดผล

ด้านนายกรัฐมนตรี เบนจามินเนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ได้ออกแถลงการณ์ว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียใจที่สหรัฐฯ ละทิ้งจุดยืนและไม่ได้วีโต้ข้อมตินี้ เพราะเท่ากับเป็นประโยชน์ต่อฮามาสที่พยายามใช้นานาชาติมาเป็นเครื่องมือกดดันอิสราเอลโดยที่ไม่ยอมปล่อยตัวประกัน ยิ่งไปกว่านั้น อิสราเอลยังแสดงความไม่พอใจด้วยการยกเลิกการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลสองฝ่ายในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งจากนี้ไป ยังคงต้องติดตามดูว่า อิสราเอลจะปฏิบัติตามข้อมตินี้หรือไม่ ขณะที่แรงกดดันจากนานาประเทศรุมเร้ามากขึ้นด้วย โดยเฉพาะตามที่กำหนดไว้ในข้อมตินี้ว่า จะต้องยุติปฏิบัติการทางการทหารในช่วง 2 สัปดาห์ที่เหลือของเทศกาลรอมฎอน

อารอน เดวิด มิลเลอร์ อดีตผู้เจรจาตะวันออกกลางให้แก่รัฐบาลรีพับลิกันและเดโมแครตของสหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลไบเดนและรัฐบาลเนทันยาฮูอาจไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันแล้ว หากไม่จัดการเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง ความสัมพันธ์จะมีแต่แย่ลง ประธานาธิบดีไบเดนซึ่งจะลงเลือกตั้งอีกสมัยในเดือนพฤศจิกายนเผชิญแรงกดดันทั้งจากประเทศพันธมิตรและพรรคเดโมแครตให้หยุดยั้งปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในกาซา ขณะที่นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูถูกกลุ่มขวาจัดในรัฐบาลผสมกดดันให้แข็งกร้าวกับปาเลสไตน์ ขณะเดียวกันก็ถูกประชาชนประท้วงเรียกร้องให้ลาออก

ขณะเดียวกัน บรรดาครอบครัวของผู้ถูกกลุ่มฮามาสลักพาตัวไปฉนวนกาซา แสดงจุดยืนเรียกร้องให้อิสราเอลและฮามาสหยุดยิงโดยทันทีและปล่อยตัวประกันโดยไม่มีเงื่อนไข ระบุว่าขอให้พาตัวประกันกลับบ้านก่อน จากนั้นจึงจะมีการหยุดยิง ขอให้ทางการอิสราเอลมีความกล้าหาญและแสดงความเป็นวีรบุรุษ ประชาชนพร้อมสนับสนุนพวกเขา หากพวกเขาสามารถสะท้อนจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งและกล้าหาญของประชาชน ทั้งโลกก็จะชื่นชมและเป็นแนวร่วม