นิวยอร์ก/เยรูซาเลม (รอยเตอร์ส) – ครอบครัวผู้ถูกฮามาสลักพาตัวเป็นตัวประกันในกาซาเล่าความรู้สึกและผลกระทบทางจิตใจให้แก่ที่ประชุมอย่างไม่เป็นทางการของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ที่จัดขึ้นโดยสหรัฐฯ ด้านกองทัพอิสราเอลยืนยัน ชายไทย 2 คน ที่เชื่อว่าถูกฮามาสจับเป็นตัวประกัน ถูกฮามาสสังหารตั้งแต่บุกข้ามพรมแดนเข้ามาโจมตีอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 แล้วนำศพไปยังฉนวนกาซา

ครอบครัวผู้ถูกฮามาสลักพาตัวเป็นตัวประกันในกาซาเล่าความรู้สึกและผลกระทบทางจิตใจให้แก่ที่ประชุมอย่างไม่เป็นทางการของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ สตรีอิสราเอลวัย 68 ปี เล่าว่า เธอ บุตรสาวและหลาน 2 คนถูกจับเป็นตัวประกันนาน 50 วัน และหลังจากที่กลับบ้านแล้ว 3 สัปดาห์ หลานสาววัย 3 ขวบกลายเป็นคนขี้กลัว ไม่กล้าพูดออกเสียง ได้แต่พูดกระซิบ ไม่กล้าออกจากบ้าน ไม่กล้าพบเจอผู้คน ฝันร้ายและปัสสาวะรดที่นอน เพราะกลัวว่าอาจจะถูกจับไปอีก การก่อการร้ายในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยการลักพาตัวหมู่ทั้งพลเรือนไร้อาวุธ เด็ก สตรี และคนชรา จึงไม่ควรถูกปล่อยปละให้กลายเป็นเรื่องปกติ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นกับอิสราเอลในวันนี้อาจกลายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกในอนาคตอันใกล้

ลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็นกล่าวต่อที่ประชุมว่า ยูเอ็นเอสซีได้ออกมติ 3 ฉบับเรียกร้องให้ปล่อยตัวทั้งหมดทันทีและไม่มีเงื่อนไข แต่ฮามาสและกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ ยังคงไม่ยอมหยุด ดังนั้นขอให้ทุกคนร่วมกันเรียกร้องอีกครั้งให้ฮามาสปล่อยตัวประกันที่เหลืออยู่ทั้งหมด เพื่อรักษาชีวิตของทุกฝ่าย

ขณะที่ อาเหม็ด ซาห์ราวี เอกอัครราชทูตแอลจีเรียประจำยูเอ็นกล่าวว่า เครื่องจักรสังหารที่ป่าเถื่อนของกองกำลังยึดครองอิสราเอลได้ทำลายกาซาโดยอ้างว่าต้องการสร้างหลักประกันว่าจะมีการปล่อยตัวประกัน เขาย้ำว่า ประเด็นการจับตัวประกันเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง และวิจารณ์อิสราเอลที่กักขังชาวปาเลสไตน์ ส่วน กิลาด เออร์ดัน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำยูเอ็นกล่าวว่าตัวประกัน 132 คนยังคงอยู่ในกาซานับตั้งแต่ถูกลักพาตัวไปตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2566 พร้อมกับตั้งคำถามต่อยูเอ็นเอสซีว่า ได้ดำเนินการใดๆ กับฮามาสหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการประณามและเรียกร้องให้ฮามาสอนุญาตให้กาชาดเข้าไปตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของตัวประกัน หรือการใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อฮามาสจนกว่าจะปล่อยตัวประกัน

ขณะเดียวกัน โฆษกกองทัพอิสราเอลแถลงเมื่อเย็นวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า ไอดีเอฟ (กองทัพอิสราเอล) และกระทรวงต่างประเทศได้แจ้งไปยังครอบครัวของนายสนธยาอัครศรี และนายสุทธิศักดิ์ รินทลักษ์ว่า สองแรงงานชาวไทยว่า บุคคลทั้ง 2 ถูกสังหารระหว่างการโจมตีร้ายแรงในวันดังกล่าว ทั้งคู่ทำงานภาคการเกษตรในคิบบุตซ์เบเอรี (Be’eri) ห่างจากพรมแดนกาซาประมาณ 4 กิโลเมตร โฆษกกล่าวว่า ในวันที่ 7 ตุลาคม 2566 กลุ่มก่อการร้ายฮามาสได้สังหารชาวไทย 39 คนอย่างโหดร้าย และลักพาตัวชาวไทย 31 คนไปยังกาซา เช่นเดียวกับชาวต่างชาติจากหลายประเทศ

เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ ไทมส์ออฟอิสราเอล ระบุว่า มีชาวไทยประมาณ 30,000 คนทำงานในอิสราเอลในวันก่อนที่ฮามาสก่อเหตุสังหารหมู่อย่างโหดร้าย หลายคนกำลังทำงานกลางทุ่งใกล้ชายแดนกาซาในช่วงที่ฮามาสบุกเข้ามา จึงตกเป็นเหยื่อการฆ่าอย่างไม่เลือกหน้า เชื่อกันว่าชาวไทย 8 คนรวมถึง 2 คนที่เสียชีวิตยังคงตกเป็นตัวประกันอยู่ในกาซา หลังจากชาวไทย 23 คนได้รับการปล่อยตัวในช่วงที่มีการพักรบนาน 1 สัปดาห์เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2566 โดยมีชาวฟิลิปปินส์ 1 คน และพลเรือนอิสราเอล 81 คน ได้รับการปล่อยตัวในช่วงพักรบเช่นกัน และว่าในขณะนี้ ยังมีชาวไทย 6 คน นักศึกษาด้านการเกษตรชาวเนปาล1 คน และศพของชาวแทนซาเนีย 1 ราย อยู่ในกำมือของฮามาส ทางกลุ่มเชื่อว่าตัวประกัน 128 คนที่ยังอยู่ในกาซา ขณะนี้อาจไม่ได้มีชีวิตอยู่ครบทุกคน