นิวเดลี (เอพี/รอยเตอร์ส) - อินเดียกำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนครั้งรุนแรง ล่าสุด อุณหภูมิพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เกือบ 53 องศาเซลเซียส ขณะเดียวกันหลายพื้นที่ยังคงจมอยู่ใต้น้ำหลังถูกไซโคลนริมาลพัดถล่มไปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ส่วนพื้นที่ทางเหนือกำลังเผชิญกับไฟป่าลุกลาม

เวลานี้อินเดียกำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนครั้งรุนแรง อุณหภูมิในกรุงนิวเดลีพุ่งขึ้นไปถึง 52.9 องศาเซลเซียสเมื่อวันพุธที่ 29 พ.ค. เป็นสถิติอุณหภูมิสูงสุดอันดับ 2 ของอินเดียเท่าที่เคยมีการบันทึกมา อุณหภูมิดังกล่าววัดได้ในเขตมันเกชปูร์ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น ขณะที่พื้นที่อื่นๆ ของประเทศก็มีอากาศร้อนจัดเช่นเดียวกัน หลังถูกคลื่นความร้อนแผ่ปกคลุมมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว โดยเฉพาะในภาคตะวันตกเฉียงเหนือและภาคกลางของประเทศ แม้จะมีการพยากรณ์ว่า สภาพอากาศจะเริ่มร้อนน้อยลงในช่วงสุดสัปดาห์นี้

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของอินเดียบอกว่า แม้สภาพอากาศจะเริ่มเย็นลงบ้าง แต่อุณหภูมิทั่วประเทศโดยเฉลี่ยยังคงอยู่ในระดับสูงเกินกว่า 40 องศาเซลเซียส ร่างกายคนเราไม่สามารถทนต่อสภาพอากาศร้อนจัดได้เป็นเวลานานๆ หากอุณหภูมิยังคงอยู่ในระดับสูงเกินไป เชื่อว่าจะส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยจากโรคลมแดด หรือฮีทสโตรก และผู้เสียชีวิตจากสภาพอากาศร้อนจัดจะเพิ่มมากขึ้น จนอาจกระทบต่อระบบสาธารณสุขของประเทศได้

ก่อนหน้านี้ สื่อท้องถิ่นอินเดียรายงานว่า ผู้เสียชีวิตเพิ่ม 3 ศพ จากสภาพอากาศร้อนจัดในเมืองชัยปุระรัฐราชสถาน หลังจากที่อุณหภูมิขึ้นไปแตะระดับ 49.9 องศาเซลเซียสเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ส่วนที่กรุงนิวเดลี ก็เพิ่งมีรายงานผู้เสียชีวิตจากสภาพอากาศร้อนจัดรายแรกของปีนี้ เป็นแรงงานวัย 40 ปี ที่เสียชีวิตจากโรคลมแดดเมื่อวันพุธ

ขณะเดียวกัน หมู่บ้านหลายแห่งในรัฐมณีปุระ และรัฐอัสสัมทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงจมอยู่ใต้น้ำหลังจากที่ไซโคลนริมาลได้เคลื่อนเข้าถล่มอินเดียไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ระดับน้ำยังคงท่วมสูงทำให้ถนนกลายสภาพเป็นคลองชาวบ้านต้องหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนชั้นสองของบ้าน ยวดยานและทรัพย์สินจำนวนมากถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย อิทธิพลของพายุทำให้เกิดฝนตกหนัก กระแสลมแรงทั้งในอินเดียและบังกลาเทศ มีผู้เสียชีวิตในทั้งสองประเทศรวมกันมากกว่า 50 ศพ และเกิดปัญหาไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง ทำให้ประชาชนหลายล้านคนไม่มีไฟฟ้าใช้

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สำนักงานจัดการภัยพิบัติในรัฐจัมมูและแคชเมียร์ ทางภาคเหนือ กำลังใช้โดรนเฝ้าติดตามสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของรัฐ จากสภาพอากาศร้อนจัดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมกับส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ดับไฟป่าในพื้นที่เทือกเขาในเขตรีอาซี แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้จากสภาพอากาศร้อนจัดและแห้งผิดปกติในช่วงฤดูร้อนปีนี้ ขณะที่ชาวบ้านทั้งในเขตรีอาซี และเขตราจูรี ก็เริ่มได้รับผลกระทบจากควันไฟป่าที่ลอยไปปกคลุมย่านที่พักอาศัย