19 กรกฎาคม 2567 เพจเฟซบุ๊ก "เก้ากระบี่เดียวดาย " ที่มีผู้ติดตามกว่า 4 แสนคนโพสต์ภาพและข้อความอาลัย 'เจิ้ง เพ่ยเพ่ย' ราชินีนักบู๊ผู้โด่งดัง โดยเจ้าตัวได้จากโลกนี้ไปแล้วในวัย 78 ปี โดยทางเพจระบุข้อความว่า 

ขออำลา เจิ้งเพ่ยเพ่ย หงสาราชินีนักดาบ ในบทความ สู่ยุคทองแห่ง Golden Harvest ที่ข้าพเจ้ากำลังเขียนนถึง เรย์มอนด์ เชา ผู้ก่อตั้ง บริษัท เจียเหอ หรือ โกลเด้น ฮาร์เวสต์ ในหนังสือ เดชคัมภีร์กระบี่เก้า โดยในบทความนั้น มีใจความตอนหนึ่งกล่าวถึงเรื่องราวการ  “ค้นหาหงสา พานพบมังกร” ซึ่งหงสานั้น คือ เจิ้งเพ่ยเพ่ย ราชินีนักดาบ ของชอว์บราเดอร์นั่นเอง 

สำหรับสหายเพจที่เคยรับชม พยัคฆ์ระห่ำ มังกรผยองโลก  Crouching Tiger, Hidden Dragon (臥虎藏龍/๒๐๐๐) ก็จะจดจำ เจิ้งเพ่ยเพ่ยได้ในบทบาทจิ้งจอกหยก อาจารย์ของอวี้เจียวหลง (จาง จื่ออี๋) ในเรื่อง แต่สำหรับผู้ชมในยุค ๖๐ เจิ้งเพ่ยเพ่ยนับว่าเป็นนักแสดงหญิงคนแรก ที่ได้รับบทนำในภาพยนตร์แอ็คชั่นกำลังภายใน และเป็นนักแสดงหญิงคนแรกๆของโลกที่ได้รับการยอมรับในบทแอ็คชั่น จาก หงส์ทองคะนองศึก Come Drink with Me (大醉俠/๑๙๖๖) ผลงานของปรมาจารย์ภาพยนตร์กำลังภายใน คิงฮู 

ภาพยนตร์หงส์ทองคะนองศึก Come Drink with Me (大醉俠 /๑๙๖๖) นับว่าเป็นหนึ่งในความสำเร็จระดับนานาชาติของชอว์บราเดอร์ จากการได้ฉายในต่างประเทศ เช่น นิวยอร์ก  โตเกียว และเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ จนมีการสร้างภาคต่อมาเป็นภาค ๒ ด้วย ในชื่อ  หงส์ทองคะนองศึก ภาค ๒  Golden Swallow  (大女侠/๑๙๖๘) จากความสำเร็จนี้ ทำให้ เจิ้งเพ่ยเพ่ย ได้รับฉายาว่า "ราชินีนักดาบ"  (Queen of Swords)

เจิ้งเพ่ยเพ่ย เกิดที่เซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๑๙๔๖ บิดาของเธอทำงานในหน่วยลาดตระเวนในเซี่ยงไฮ้ หลังจากสงครามต่อต้านญี่ปุ่นเขาได้เปิดโรงงานหมึกแห่งแรกของจีน เจิ้งเพ่ยเป็นลูกสาวคนโตในบรรดาพี่น้องสี่คน ในชั้นประถมเจิ้งเพ่ยเพ่ยเรียนที่ Shanghai World Elementary School ต่อมาเธอได้เรียนบัลเล่ต์ที่เซี่ยงไฮ้เป็นเวลา ๖ ปีตั้งแต่สมัยมัธยมต้น จะเห็นได้ว่า ดาราสาวนักบู๊ ส่วนใหญ่นั้นจะมีพื้นฐานจาก การเรียนเต้นรำ นอกจาก เจิ้งเพ่ยเพ่ย แล้ว ก็ยังมี มิเชล โหย่ว หลี่ไซ่ฟ่ง และ จางจื่ออี๋ แม้กระทั่ง บรู๊ซ ลี เอง ยังเคยเป็นครูสอนเต้น ชะชะช่า แสดงว่าการเต้นกับการแสดงฉากแอ็คชั่นในภาพยนตร์นั้นอาจจะมีพื้นฐานเดียวกัน 

ในปี ๑๙๖๒ เจิ้งเพ่ยเพ่ย ย้ายมาที่ฮ่องกง และในปีถัดมาก็ได้เข้าเรียนโรงเรียนสอนการแสดงของ ชอว์ บราเดอร์ รุ่นเดียวกันกับ นักแสดงสาว เจียง ซิง และ ฟางอิง หลังจากเรียนจบเธอก็ได้เซ็นสัญญากับทางชอว์ บราเดอร์ทันที โดยแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกคือ  ผาวิปโยค 情人石Lovers' Rock (1964)ที่เขียนและกำกับโดย Lei Pan ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเลือกให้เป็นผลงานยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมจากไต้หวันในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ ๓๗ แต่ไม่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง  แต่ได้รับรางวัล "Most Promising Movie Star Golden Warrior Award" โดย American International Independent Producers Association แทน เจิ้งเพ่ยเพ่ย นับว่าเป็นนักแสดงหญิงชาวเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้  ทำให้ เจิ้งเพ่ยเพ่ย มีชื่อเสียงเป็นที่น่าจับตา ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรกที่แสดง 

อีกสองปีถัดมา เจิ้งเพ่ยเพ่ยก็โด่งดังถึงขีดสุดจากภาพยนตร์หงส์ทองคะนองศึก Come Drink with Me (大醉俠/๑๙๖๖)ข องผู้กำกับคิงฮู ที่เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์บุกเบิก ภาพยนตร์กำลังภายในในฮ่องกงยุคนั้นเลยก็ว่าได้ 

คิงฮูเลือกเจิ้งเพ่ยเพ่ย มารับบท นางแอ่นทอง ( 金燕子) ที่ต้องออกเดินทางไปช่วยพี่ชาย ที่ถูกกลุ่มโจรเอาไว้เป็นตัวประกัน การเดินหน้าบุกเดี่ยวต่อสู้กับกลุ่มโจรชายฉกรรจ์ นับว่าเป็นภาพที่แปลกใหม่สำหรับผู้ชมในยุคนั้น เพราะปกติตัวละครหญิงในภาพยนตร์แอ็คชั่นจะเป็นตัวละครที่อ่อนแอ 

คิงฮูให้สัมภาษณ์กับกับนักวิจารณ์ Tony Rayns ว่า เขาจงใจเลือกนักเต้นบัลเล่ต์ให้รับบทนำหญิงนี้ เพราะมันเป็นกุญแจสำคัญในภาพยนตร์เรื่องนี้ เนื่องจากคิงฮูให้ความสำคัญกับฉากต่อสู้มาก การแสดงฉากแอ็คชั่นกับนักแสดงหญิงที่มีพื้นฐานการเต้น ทำให้มันออกมาอ่อนช้อยแฝงดุดันและลื่นไหล 

ซึ่งฉากต่อสู้ในโรงเตี๊ยมของตัวละคร นางแอ่นทอง ก็ถูกสร้างขึ้นอีกครั้งเพื่อคารวะภาพยนตร์เรื่องนี้ ใน พยัคฆ์ระห่ำ มังกรผยองโลก  Crouching Tiger, Hidden Dragon ที่ตัวละคร อวี้เจียวหลง ลูกศิษย์ของ จิ้งจอกหยก (เจิ้งเพ่ยเพ่ย) ที่ต่อสู้กับกลุ่มชาวยุทธในโรงเตี๊ยม 

เจิ้งเพ่ยเพ่ยยังคงแสดงภาพยนตร์กับชอว์บราเดอร์ อีกหลายเรื่องจนปี 1970 เจิ้งเพ่ยเพ่ย ได้ถอนตัวจากวงการภาพยนตร์และเดินทางไปแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาเพื่อแต่งงานกับหยวนตงมหาเศรษฐี ชาวไต้หวัน หลังจากแต่งงานเธอได้เข้ามหาวิทยาลัยในอเมริกาเพื่อการศึกษาขั้นสูงและเรียนศิลปะการเต้นรำ และมีลูกสี่คน เป็นหญิงสาม ชายหนึ่งคน

ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เรย์มอนด์ เชา ออกมา จากชอว์บราเดอร์  และก่อตั้ง โกลเด้น ฮาร์เวสต์ เขาได้เดินทางไปหาเธอที่สหรัฐอเมริกาเพื่อมาแสดงภาพยนตร์ของบริษัทเขา แต่เธอกลับปฏิเสธ เมื่อไร้หงสา แต่ เรย์มอนด์ เชากลับพบนักแสดงชายชาวฮ่องกงคนหนึ่งที่แสดงภาพยนตร์และ ละครโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกา เมื่อไม่ได้หงส์แต่กลับได้มังกรมาแทน และมังกรตัวนี้ก็ได้พลิกหน้าประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ฮ่องกง และนำพา  โกลเด้น ฮาร์เวสต์ ขึ้นสู่บริษัทผลิตภาพยนตร์อันดับหนึ่งแทนชอว์ บราเดอร์ 

เจิ้งเพ่ยเพ่ย กลับมาแสดงภาพยนตร์ให้ชอว์ บราเดอร์ ๒ เรื่อง และ แสดงกับ โกลด์เด้น ฮาร์เวสต์ ๑ เรื่อง ก่อนที่จะหยุดรับงานแสดงในยุค ๗๐ ในปี ๑๙๘๐ เจิ้งเพ่ยเพ่ยได้จัดตั้ง บริษัท ผลิตรายการโทรทัศน์ "Xingxiang Communication Co. , Ltd. " ในลอสแองเจลิสสหรัฐอเมริกาเพื่อผลิตและจัดรายการสารคดีจีนอเมริกันเรื่อง "Follow the Past and Open the Future" ให้กับกลุ่มผลิตรายการโทรทัศน์สาธารณะของกองทุนกระจายเสียง และในวันที่ ๒๙ มีนาคม ๑๙๘๑ รายการนิตยสารข่าวของ บริษัท China Television Company "60 Minutes" ได้จัดตั้งทีมผู้ผลิตต่างประเทศแห่งแรกในลอสแองเจลิสรับผิดชอบการรายงานพิเศษเกี่ยวกับเหตุการณ์ข่าวของอเมริกาและเจิ้งเพ่ยเพ่ยป็นหนึ่งในสมาชิกทีมในช่วงเวลาที่ก่อตั้ง ต่อมาในปี ๑๙๘๗เจิ้งเพ่ยเพ่ยก็ได้หย่าร้างกับสามีหยวนตง 

หลังจากหายหน้าหายตาจากวงการภาพยนตร์ ในปี ๑๙๙๓ เจิ้งเพ่ยเพ่ยก็กลับมารับงานแสดงอีกครั้ง กับ โจวซิงฉือ ใน ถังไป่หู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ (Flirting Scholar/๑๙๙๓) ในปี ๑๙๙๔ เจิ้งเพ่ยเพ่ย รับงานแสดงภาพยนตร์ฮ่องกงถึง 5 เรื่อง หนึ่งในนั้นเธอต้องแสดงกับราชินีนักบู๊ยุค ๙๐ อย่าง มิเชล โหย่ว ในเรื่อง หย่งชุน หมัดสั้นสะท้านบู๊ลิ้ม(Wing Chun/๑๙๙๔) โดยเธอแสดงเป็น แม่ชีอู่เหม่ย ตัวละครร้ายฝ่ายหญิงที่น่ากลัวพอๆกับไป่เหม่ยในยุคชอว์ บราเดอร์ 

ชื่อเสียงของเจิ้งเพ่ยเพ่ย กลับมาโด่งดังอีกครั้กับบทบาทจิ้งจองหยกใน  Crouching Tiger, Hidden Dragon (臥虎藏龍/๒๐๐๐) ส่งผลให้เธอได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากเวที Hong Kong Film Award ครั้งที่ ๒๐ หลังจากปี ๒๐๐๐ เจิ้งเพ่ยเพ่ยก็รับงานแสดงภาพยนตร์สลับกับละครโทรทัศน์  จนกระทั่งในปี ๒๐๑๘8 เธอก็ได้รับรางวัล Huading Award Chinese TV Series Lifetime Achievement Award ครั้งที่ ๒๔

เจิ้งเพ่ยเพ่ย นั้นนับว่าเป็นนัแสดงหญิงคนแรกที่เป็นภาพจำของจอมยุทธหญิง  จนเธอเป็นสัญลักษณ์ ของหนังประเภทพลังหญิงนี้ แม้อายุมากขึ้น แต่เธอก็ยังไปปรากฎตัวในภาพยนตร์ที่จะมีนักแสดงนำหญิงเป็นตัวเดินเรื่องเสมอ อาทิ Crouching Tiger, Hidden Dragon (๒๐๐๐) ผู้หญิงกล้าแกร่งเกินพิกัด (Naked Weapon/๒๐๐๒) Street Fighter: The Legend of Chun-Li (๒๐๐๙)  และ มู่หลาน Mulan (๒๐๒๐) 

ล่าสุดได้มีการแจ้งข่าวการเสียชีวิต ของเจิ้งเพ่ยเพ่ย ในวัย ๗๘ ปี โดยพิธีกร เฉาเคอฟาน ได้เขียนในเว่ยป๋อว่า "ทุกครั้งที่ผมพบกับพี่เพ่ยเพ่ย ผมรู้สึกประทับใจกับเสียงหัวเราะของเธอ แม้ว่าเราจะพูดถึงปีที่ยากลำบากในอดีต เธอไม่เคยบ่นหรือคร่ำครวญ เธอมักจะสื่อสารด้วยภาษาเซี่ยงไฮ้ เธอบอกว่าการพูดภาษาเซี่ยงไฮ้ทำให้เธอย้อนกลับไปในวัยเด็กของเธอ และชาวเซี่ยงไฮ้สมัยก่อนจะมีกิริยาที่นุ่มนวลและสง่างามท่าทีของเธอนั้นฟังดูเป็นมิตรมาก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมได้ยินมาว่าพี่เพ่ยเพ่ยมีสุขภาพไม่ดี ไม่คิดว่าเธอจะต้องพลัดพรากจากเราตลอดไป บนสวรรค์จะไม่เจ็บปวด ผมขอให้เธอเดินทางด้วยดี!” ขออำลา หงสาราชินีนักดาบ เจิ้งเพ่ยเพ่ย ขอบคุณความสุขที่ท่านมอบให้แด่ผู้ชมตลอดชีวิตการแสดงขอรับ