ปักกิ่ง (รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธมีดไล่แทงผู้คนด้านนอกวิทยาลัยอาชีวะแห่งหนึ่งในมณฑลเจียงซูทางตะวันออกของจีน มีผู้เสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บอีก 17 คน สะท้อนปัญหาสังคมจีนที่ผู้คนไม่พอใจเรื่องส่วนตัวแล้วไปลงมือก่อเหตุทำร้ายคนที่ไม่รู้จักในที่สาธารณะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า มือมีดเป็นชายวัย 21 ปี ใช้อาวุธมีดไล่แทงผู้คนด้านนอกวิทยาลัยอาชีวะและศิลปะในเมืองอู๋ซี มณฑลเจียงซู ทางตะวันออกของจีน เมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่ 16 พ.ย. มีผู้ถูกแทงมากกว่า 20 รายก่อนที่จะมีผู้แจ้งเหตุไปยังตำรวจและหน่วยแพทย์ฉุกเฉินเร่งนำตัวผู้ที่ถูกแทงส่งโรงพยาบาล มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย บาดเจ็บอีก 17 คน ส่วนมือมีดถูกจับกุมได้หลังจากนั้นไม่นานและยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ตำรวจเผยว่า มือมีดเคยเป็นนักศึกษาของวิทยาลัยอาชีวะและศิลปะแห่งนี้เพิ่งจบการศึกษาไปในปีนี้ แต่ไม่พอใจที่ไม่ได้รับประกาศนียบัตรจบการศึกษาเนื่องจากผลการเรียนไม่ถึงเกณฑ์ และไม่พอใจกับค่าจ้างที่ได้รับระหว่างฝึกงาน จึงลงมือก่อเหตุไล่แทงผู้คนเพื่อระบายความแค้น อย่างไรก็ดี ตำรวจอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ต้องสงสัยและสืบสวนพยานแวดล้อมต่างๆ เพื่อหาสาเหตุของเหตุการณ์นี้ และดำเนินมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังจากเพิ่งเกิดเหตุชายวัย 62 ปี ขับรถพุ่งชนผู้คนที่กำลังออกกำลังกายภายในศูนย์กีฬาแห่งหนึ่งในเมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง เมื่อวันจันทร์ที่ 11 พ.ย. ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 35 ราย บาดเจ็บอีก 43 คน ตำรวจบอกว่าผู้ก่อเหตุลงมือเพราะไม่พอใจเรื่องหย่าร้างกับอดีตภรรยาและต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูจำนวนมาก เหตุการณ์ขับรถไล่ชนคนและไล่แทงผู้คนที่เกิดขึ้นไล่เลี่ยกันในประเทศจีน ทำให้ผู้คนเริ่มตั้งคำถามเรื่องของความรุนแรงในสังคมจีน โดยเฉพาะการที่ผู้คนซึ่งไม่พอใจหรือผิดหวังเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของตนเอง หาทางแก้ไม่ตก แล้วไปก่อเหตุทำร้ายคนที่ไม่รู้จักเพียงเพื่อระบายความแค้นของตนเอง ซึ่งนับวันนับจะมีเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเป็นเหตุการณ์ที่หาทางป้องกันได้ยากมาก