6 ธ.ค. 2567 เป็นภาพที่ถูกแชร์ไปทั่วโลก เมื่อตำรวจไทยใช้รถเข็นช่วยพานักท่องเที่ยวสาวจากเมืองฝรั่งในสภาพเมาไม่ได้สติไปส่งยังที่พักอย่างปลอดภัย โดย นสพ.Daily Mail ของอังกฤษ รายงานข่าว Passed out tourists are wheeled back to their hotels in trolleys by police in Thailand - following deadly poisonings that claimed six lives in nearby Laos ระบุว่า ภาพที่น่าประทับใจนี้เกิดขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 29 พ.ย. 2567 ที่เกาะพีพี จ.กระบี่ ประเทศไทย
โดยในภาพนั้น Sergeant Major Saneh Jualaong เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ กำลังเข็นรถที่บรรทุกร่างของสาววัย 19 และ 23 ปี ชาวเยอรมนีและออสเตรเลีย ไปส่งยังที่พัก ซึ่งเจ้าตัวยืมรถเข็นมาจากร้านค้าบริเวณท่าเรือ เหตุการณ์นี้ถูกบันทึกวิดีโอไว้ได้ ซึ่งแสดงให้เห็น 2 สาวนั่งอยู่บนรถเข็น โดยเอนหลังลงขณะที่ถูกเข็นกลับไปที่ห้องพัก เจ้าหน้าที่ผู้เอาใจใส่ได้บังคับรถเข็นสองล้ออย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเธอล้มลง เมื่อไปถึงเพื่อนๆ ของพวกเธอก็ช่วยกันยกและพยุงพาไปนอนที่เตียง ซึ่งเจ้าของที่พักก็ได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ช่วยดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว
เจ้าหน้าที่ตำรวจท่านนี้ กล่าวหลังเสร็จภารกิจช่วยเหลือนักท่องเที่ยวว่า ตนข้าใจว่าการมีลูกสาวเป็นอย่างไร และคนเป็นพ่อแม่เป็นห่วงพวกเธอมากเพียงใด นั่นทำให้ตนก็นึกถึงหัวอกพ่อแม่ของพวกเธอที่บ้าน ทั้ง 2 คนเมาเกินกว่าจะพูดและยืนขึ้นได้ ในสภาพเช่นนั้น พวกเธออาจเกิดอุบัติเหตุ เช่น ตกทะเลหรือตกบันได ตนจึงตัดสินใจที่จะช่วยให้พวกเธอได้กลับที่พักอย่างปลอดภัย
พ.ต.อ.สุรศักดิ์ ใจดี (Surasak Jaidee) ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเกาะพีพี อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ต้องใช้รถเข็นก็เพราะว่าเส้นทางบนเกาะพีพีทั้งหมดเป็นเส้นทางเดินเท้า ดังนั้นจึงใช้รถยนต์ไม่ได้ ขณะที่มอเตอร์ไซค์ก็ไม่สามารถรับ-ส่งผู้โดยสารที่หมดสติได้ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตำรวจให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเมาสุรา แต่ทำแบบนี้มาเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว เราเข้าใจว่าพวกเขามาที่เกาะเพื่อความสนุกสนาน จึงไม่ต้องการลงโทษพวกเขา แต่จะดีกว่าหากเราอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยเหลือและปกป้องพวกเขา
ในปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรป่าตอง จ.ภูเก็ต ได้นำมาตรการความปลอดภัยที่คล้ายคลึงกันมาใช้ โดยให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่เมาสุราโดยให้แน่ใจว่าพวกเขาจะถูกส่งไปยังที่พักอย่างปลอดภัย โครงการนี้ได้รับการยกย่องว่าช่วยป้องกันอุบัติเหตุและเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์อื่นๆ ในภูมิภาคได้ และก่อนหน้านี้ กระทรวงสาธารณสุขของไทยก็ได้แนะนำว่าสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่ต้องการขยายเวลาเปิดทำการควรจัดให้มีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ในลมหายใจกับลูกค้าก่อนออกเดินทาง และจัดเตรียมบริการขนส่งหากจำเป็น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเพิ่มความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ภาพความประทับใจที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เกิดขึ้นภายหลังเหตุสลดในเมืองวังเวียง สปป.ลาว เมื่อเดือน พ.ย. 2567 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6 ราย เสียชีวิตจากการดื่มเหล้าที่มีส่วนผสมของเมทิลแอลกอฮอล์ หรือเมทานอล นั่นทำให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เป็นที่กังวลในสายตานักท่องเที่ยวในด้านความปลอดภัย ซึ่งอาเซียนนั้นดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านคนทุกปีเพื่อไปเพลิดเพลินกับวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และการสังสรรค์ยามค่ำคืน
Duong Duc Toan ผู้จัดการโรงแรม Nana backpackers ใน สปป.ลาว ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุคลัสเตอร์เหล้ามรณะ และ Toan Van Vanng บาร์เทนเดอร์ ยืนยันว่าไม่มีการเจือจางแอลกอฮอล์ของพวกเขาด้วยเมทานอล โดย Toan กล่าวว่า ตนซื้อแอลกอฮอล์จากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการรับรอง และมีการเสิร์ฟวอดก้าไทเกอร์ช็อตฟรีให้กับแขกประมาณ 100 คน อีกทั้งยังไม่ได้รับการร้องเรียนใดๆ จากนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คคนอื่นๆ ที่ได้รับวอดก้าในคืนนั้น และยังดื่มวอดก้าจากขวดหนึ่งที่ใช้ดื่มในคืนนั้นให้ดูด้วยเพื่อพิสูจน์ว่าปลอดภัย
สถิติทั่วโลกเผยให้เห็นเหตุการณ์พิษจากเมทานอล 58 ครั้งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อผู้คนมากกว่า 1,200 คน และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 400 ราย เมทานอลเป็นของเหลวไม่มีสีที่มีรสชาติคล้ายแอลกอฮอล์ และเป็นผลพลอยได้จากสุราเถื่อน การบริโภคแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้ตาบอด อวัยวะหลายส่วนล้มเหลว หรือเสียชีวิตได้
ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.dailymail.co.uk/news/article-14148683/thailand-laos-tourists-drunk-methanol-spiking.html
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี