โซล (รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์/ยอนฮัพ)-เกิดเหตุระทึกกับเที่ยวบินของสายการบิน เจจูแอร์ ของเกาหลีใต้อีกลำหนึ่งจนต้องบินวกกลับสนามบินต้นทางหลังพบปัญหาที่ระบบล้อที่เพิ่งเกิดกับเที่ยวบิน กรุงเทพฯ-มูอัน และพบเป็นเครื่องบินโบอิ้ง รุ่นเดียวกัน ที่ตกเมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ คร่าชีวิตคนบนเครื่อง 179 ศพ รอดชีวิตเพียง 2 คน

สื่อท้องถิ่นเกาหลีใต้รายงานว่า เหตุระทึกดังกล่าวเกิดขึ้นกับเที่ยวบิน 7 ซี 101 ของสายการบิน เจจูแอร์ บินออกจากสนามบินนานาชาติกิมโป ในกรุงโซล มุ่งหน้าสู่สนามบินเมืองเจจู บนเกาะเจจู พร้อมผู้โดยสารบนเครื่อง 161 คน เมื่อเวลา 06.37 น. วันที่ 30 ธ.ค. แต่เพียงไม่นาน มีการตรวจพบปัญหาที่ระบบล้อ สายการบินเจจูแอร์ แจ้งปัญหาที่พบต่อผู้โดยสาร และนำเครื่องบินวกกลับไปลงจอดที่สนามบินนานาชาติกิมโป ในเวลา 07.25 น. และมีแผนเดินทางต่อหลังทำการเปลี่ยนเครื่องบินลำใหม่

ปัญหาจุดเดียวกันนี้ เพิ่งเกิดขึ้นกับเที่ยวบิน 7 ซี 2216 เส้นทางกรุงเทพฯ-มูอัน พร้อมผู้โดยสาร 175 คน รวมทั้งคนไทย 2 คน และลูกเรือ 6 คน ที่ลงจอดโดยล้อไม่กางใช้ส่วนท้องไถลไปตามรันเวย์พุ่งชนกำแพงและเกิดระเบิดลุกเป็นไฟที่สนามบินนานาชาติมูอัน จังหวัดช็อลลาใต้ทางภาคใต้ของเกาหลีใต้ เมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 29 ธ.ค.ทำให้มีผู้เสียชีวิต 179 ศพ มีผู้รอดชีวิตเพียง 2 คน เป็นลูกเรือชายและหญิง ข่าวระบุด้วยว่า เที่ยวบิน 7 ซี 101 ที่พบปัญหาที่ระบบล้อ เป็นเครื่องบินรุ่นเดียวกันกับลำที่ประสบเหตุที่เมืองมูอัน คือ โบอิ้ง บี 737-800 แบบ 2 เครื่องยนต์ ซึ่งสายการบิน เจจูแอร์ ใช้เครื่องบินรุ่นดังกล่าวอยู่ 39 ลำ จากฝูงบินโดยสารที่มีทั้งหมด 41 ลำ

ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนเหตุโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเที่ยวบิน 7 ซี 2216 เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ในที่เกิดเหตุเพื่อค้นหาหลักฐานและพยานแวดล้อมต่างๆ เพื่อนำไปประกอบการสอบสวนหาสาเหตุร่วมกับข้อมูลอื่นๆ รวมทั้งกล่องบันทึกข้อมูลการบินและกล่องบันทึกเสียงในห้องนักบินที่มีการค้นพบแล้วทั้งสองกล่อง โดยเบื้องต้น เน้นไปเรื่องที่ว่าเครื่องบินชนกับฝูงนกกลางอากาศหรือไม่ และเหตุใดระบบล้อจึงไม่กาง อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนชี้ว่า ควรมีการสืบสวนเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะเหตุเครื่องบินชนนกอย่างเดียวไม่น่าทำให้ล้อหน้าที่จะต้องกางออกตอนลงจอดขัดข้องพร้อมกันถึง 3 จุด อีกทั้งเมื่อพิจารณาคลิปขณะเครื่องบินลงจอดก่อนไถลไปกระแทกรั้วกั้นคอนกรีต พบว่าเครื่องบินพุ่งไถลด้วยความเร็วสูงผิดปกติ ซึ่งอาจมาจากระบบช่วยลดความเร็วเครื่องยนต์ หรือ Thrust Reverser และปีกสร้างแรงยก หรือ Wing Flaps ไม่ทำงานหรือเกิดการขัดข้อง

ก่อนหน้านั้น ชอย ซัง-ม็อก รักษาการประธานาธิบดี ของเกาหลีใต้ ที่ได้ประกาศให้พื้นที่เกิดเหตุเป็น เขตภัยพิบัติพิเศษ เพื่อระดมความช่วยเหลือจากส่วนกลางลงไปช่วยกระบวนการสอบสวนและฟื้นฟู ยังได้ประกาศช่วงเวลาไว้อาลัยแห่งชาติ เป็นเวลา 7 วัน ไปจนถึงวันที่ 4 มกราคม ชอยยังสั่งการให้ตรวจสอบด้านความปลอดภัยฉุกเฉินของระบบปฏิบัติการของสายการบินทั้งหมดในเกาหลีใต้ เมื่อกระบวนการฟื้นฟูเสร็จสิ้นแล้ว ขณะที่แหล่งข่าวทางด้านอุตสาหกรรมการบินของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เครื่องบินของสายการบิน เจจูแอร์
ลำที่เกิดอุบัติเหตุตก ถูกพบว่ามีการบินใช้งาน 13 เที่ยวบินในช่วงเวลา 48 ชั่วโมง เป็นการเดินทางระหว่างเมือง มู่อัน เกาะ เชจู และเมืองอินชอน ทางตะวันตกของกรุงโซล ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนั้น ยังพบว่า เครื่องบินยังถูกใช้งานในเที่ยวบินระหว่างประเทศหลายแห่ง เช่น เดินทางไปยังกรุงปักกิ่งของจีน กรุงเทพฯ เมืองโกตา กินาบาลู ของมาเลเซีย เมืองนางาซากิ ในญี่ปุ่นและกรุงไทเป ของไต้หวัน ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการใช้งานเครื่องบินมากเกินในช่วงเวลาสั้นๆ

ด้านประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เสนอให้การช่วยเหลือที่จำเป็นทุกกรณีต่อเกาหลีใต้หลังเผชิญเหตุร้ายกับเครื่องบินโดยสารสายการบินเจจูแอร์ ไถลเลยรันเวย์พุ่งชนกำแพงจนเกิดระเบิดไฟลุกท่วม และระบุด้วยว่า ในฐานะพันธมิตรใกล้ชิด ชาวอเมริกันขอร่วมส่งกำลังแรงใจให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุเครื่องบินตกในเกาหลีใต้ และพร้อมให้การช่วยเหลือที่จำเป็นทุกกรณี

เหตุการณ์นี้ ถือเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตครั้งแรกของสายการบินเจจูแอร์ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำของเกาหลีใต้ที่ตั้งขึ้นในปี 2548 และยังเป็นอุบัติเหตุสายการบินครั้งร้ายแรงที่สุดของเกาหลีใต้นับจากปี 2540 ที่เครื่องบินของสายการบิน โคเรียน แอร์ ตกที่กวม ดินแดนของสหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิต 229 ศพ รวมถึงเป็นเหตุภัยพิบัติที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในเกาหลีใต้ นับตั้งแต่โศกนาฏกรรมเรือเซวอลอับปาง ในปี 2557 ที่มีผู้เสียชีวิต 304 ศพ