วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ต่างประเทศ
4ปีรัฐประหารเมียนมา อพยพทะลักขายแรงงานในไทย หนี‘ไฟสงคราม-เศรษฐกิจล่มสลาย’

4ปีรัฐประหารเมียนมา อพยพทะลักขายแรงงานในไทย หนี‘ไฟสงคราม-เศรษฐกิจล่มสลาย’

วันเสาร์ ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568, 14.09 น.
Tag : อพยพ แรงงาน เมียนมา รัฐประหาร หนีเข้าเมือง ไทย
  •  

1 ก.พ. 2568 นสพ.South China Morning Post ของฮ่องกง เสนอรายงานพิเศษ No way home for Myanmar migrants stuck in Thai limbo 4 years after coup usurped Aung San Suu Kyi ว่าด้วยครบรอบ 4 ปี กองทัพยึดอำนาจทำรัฐประหารในเมียนมา เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 กับชะตากรรมของชาวเมียนมาที่หนีข้ามพรมแดนเข้าไปใช้ชีวิตในประเทศไทย ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อใดจะมีโอกาสได้กลับบ้าน แต่ขณะที่อยู่ในไทยก็สุ่มเสี่ยงกับการถูกเอารัดเอาเปรียบด้านแรงงาน การถูกขู่กรรโชก และโอกาสทางการศึกษาที่หายไป

รายงานขององค์การสหประชาชาติ (UN) ในปี 2566 ระบุว่า มีคนหนุ่ม-สาวชาวเมียนมา หนีข้ามพรมแดนไปฝั่งไทยราว 3.7 ล้านคน ทั้งเพื่อหนีภัยสงครามกลางเมืองและหนีคำสั่งบังคับเกณฑ์ทหาร แต่การหนีก็มีราคาที่ต้องจ่าย ทั้งการติดสินบนเจ้าหน้าที่และจ่ายให้กับนายหน้า รวมถึงต้องเบียดเสียดกันบนยานพาหนะ ดังที่ ปฏิมา ตั้งปรัชญากูล (Patima Tungpuchayakul) จากมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) กล่าวว่า พ่อแม่พาลูกๆ มาประเทศไทยเพราะกลัวเรื่องความปลอดภัยและเสี่ยงต่อการที่เด็กๆ จะถูกบังคับเกณฑ์ทหารไปด้วย


ตามข้อมูลขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ร้อยละ 60 ของแรงงานชาวเมียนมาในประเทศไทยไม่ได้เข้าระบบการขึ้นทะเบียน ที่ผ่านมา ทางการไทยได้นำระบบใบอนุญาตทำงานชั่วคราวมาใช้เพื่อลดการหลั่งไหลของแรงงาน และตัดเครือข่ายนายหน้า ตัวแทน และเจ้าหน้าที่ผู้มีพฤติกรรมทุจริตซึ่งต้องได้รับ “ค่าหล่อลื่น (Grease)” เพื่อเข้าถึงงานและบริการ

แต่ในความเป็นจริง เมื่อมาถึงประเทศไทย แรงงานข้ามชาติจำนวนมากจากเมียนมามักจะถูกผลักไสให้เข้าสู่ “เศรษฐกิจเงา (Shadow Economy)” เพื่อเป็นแรงงานราคาถูกสำหรับไซต์ก่อสร้าง ฟาร์ม เรือประมง และตลาด โดย ปฏิมา กล่าวว่า เด็กบางคนปลอมอายุตนเองเพื่อขอใบอนุญาตทำงาน ขณะที่เด็กบางคนพลาดโอกาสไปโรงเรียนโดยไปช่วยพ่อแม่ทำงานแทน

หลังการรัฐประหารในปี 2564 เศรษฐกิจของเมียนมาตกต่ำอย่างรวดเร็ว ในปี 2567 UN รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นเกือบร้อยละ 25 ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ก็หดตัวลงร้อยละ 9 นับจากปี 2563 ซึ่งทำลายการเติบโตในทศวรรษก่อนหน้าไป ขณะที่โรงเรียนในมัยนมา อัตราการสมัครเข้าเรียนของเด็กและเยาวชนก็ลดลงเนื่องจากไฟสงครามและมรสุมเศรษฐกิจ เด็กและเยาวชนเข้าไปอยู่ในตลาดแรงงานแทนที่จะเป็นในสถานศึกษา โดยในช่วงปีการศึกษา 2566 – 2567 รายงานของ UN ระบุว่า เด็กมากกว่าร้อยละ 20 ไม่ได้ไปโรงเรียน

สถานการณ์อาจเลวร้ายลงในประเทศไทย แม้ว่าจะไม่มีสถิติที่ครอบคลุมประชากรที่ซ่อนเร้นเหล่านี้ โดยชาวเมียนมาที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายต้องดิ้นรนเพื่อเข้าถึงการศึกษาในระบบ อย่างไรก็ตาม โรงเรียนหลายแห่งปฏิเสธนักเรียนที่มีเงินน้อยแต่มีความต้องการสูง ซึ่งรวมถึงการเรียนภาษาไทย และเพื่อลดช่องว่างดังกล่าว ผู้ปกครองชาวเมียนมาต้องจ่ายเงินค่าโรงเรียนนอกระบบและศูนย์การเรียนรู้ใกล้ตลาดและสถานที่ก่อสร้างที่ตนเองทำงาน

ดังตัวอย่างของ Wai เด็กชายวัย 11 ปี ที่อาศัยอยู่ใกล้ตลาดในกรุงเทพฯ ที่ซึ่งแม่ของเขาทำงานอยู่ การได้เรียนหนังสืออย่างเป็นทางการเป็นเพียงความฝันที่ห่างไกล ขณะที่ศูนย์การศึกษาที่ได้รับทุนจากชุมชนก็เพิ่งถูกสั่งเมื่อปี 2567 เนื่องจากเปิดดำเนินการอย่างผิดกฎหมาย โดยครูชาวเมียนมาถูกจับกุมและลงโทษปรับเป็นเงิน 20,000 บาท ชีวิตของเด็กชายต้องไปช่วยแม่เก็บและขายพริกแห้ง ถึงกระนั้นเขาก็ยังพยายามเก็บเงินเพื่อซื้อคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต เพื่อดิ้นรนให้ตนเองเข้าถึงโอกาสการเรียนรู้

นอกจากชาวเมียนมาระดับฐานรากแล้ว แม้กระทั่งชาวเมียนมาที่มีทุนทรัพย์สูงก็ยังหนีเข้าไปแสวงหาโอกาสทางเศรษฐกิจในประเทศไทย โดยซื้อคอนโดมิเนียม ร้านค้า และร้านอาหารระดับกลางที่ปัจจุบันสามารถแข่งขันกับร้านอาหารท้องถิ่นของไทยบนถนนสายหลักในกรุงเทพฯ และ จ.เชียงใหม่ แต่กับคนระดับล่าง เจ้าหนี้นอกระบบและตัวแทนจัดหางานที่น่าสงสัยยังคงคอยสอดส่องชุมชนผู้อพยพที่ยากจน โดยเสนองานหรือบัตรประจำตัวให้กับผู้อพยพในราคาแพงเกินจริง ซึ่งความกลัวการถูกจับกุมทำให้ผู้ที่ถูกหลอกลวงไม่กล้าขอความช่วยเหลือ

กระทรวงแรงงานของประเทศไทยพยายามแก้ไขปัญหาการเรียกเก็บเงินแพงเกินสมควรในการขึ้นทะเบียนแรงงานข้ามชาติ โดยประกาศค่าธรรมเนียมคงที่ 7,600 บาทสำหรับใบอนุญาตทำงานและการตรวจสุขภาพที่จำเป็นในการจ้างงาน นอกจากนี้ยังได้ยกเลิกข้อกำหนดในการกลับประเทศก่อนต่ออายุใบอนุญาตทำงาน แต่อีกด้านหนึ่ง คนไทยยังมีทัศนคติที่ย้อนแย้ง กล่าวคือ พวกเขาดูถูกชาวเมียนมาที่ยากจน แต่ก็ต้องพึ่งพาแรงงานข้ามชาติเหล่านี้ในการขับเคลื่อนเมืองและภาคเกษตร

แน่นอนว่าสำหรับแรงงานที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน นี่คือกลุ่มเปราะบางที่สุด ดังกรณีของ Sai ชายวัย 20 ปี ที่เสียแขนไปข้างหนึ่งในอุบัติเหตุจากการทำงานในไซต์งานก่อสร้าง นั่นหมายความว่าเขาไม่สามารถทำงานใช้แรงงานเพื่อชำระหนี้เงินกู้ 20,000 บาท (600 เหรียญสหรัฐ) ที่แม่ของเขาได้รับจากเพื่อนบ้านเพื่อช่วยเหลือเขาในการหลบหนีออกจากประเทศได้ ชายหนุ่มกล่าวว่า หากวันใดแผ่นดินเมียนมาสงบตนก็คงดินทางกลับบ้าน แต่ก็ยังไม่รู้ว่ากลับไปแล้วจะหางานทำได้หรือไม่

“ความฝันของผมคือการเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กของตัวเองสักวันหนึ่ง บางทีหากผมสามารถเรียนรู้วิธีใช้คอมพิวเตอร์ได้ นั่นอาจเป็นโอกาสที่ดีก็ได้ แต่ผมออกจากโรงเรียนในเมียนมาตั้งแต่ตอนอายุ 11–12 ปี ดังนั้นผมจึงต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด และการเรียนรู้ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และทักษะใหม่ๆ ก็เป็นเรื่องยากมากสำหรับผม” Sai กล่าว

ถึงกระนั้น ผู้อพยพชาวเมียนมาก็ยังคงเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสัญญาณของการล่มสลายของเมียนมาอย่างช้าๆ ขณะที่กลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ได้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทหารของเมียนมาเกี่ยวกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตระหนักดีว่าวิกฤติด้านมนุษยธรรมกำลังลุกลามข้ามพรมแดนของประเทศ และสร้างความท้าทายระยะยาวให้กับพื้นที่ยากจนของเพื่อนบ้านอย่างไทย

บรรดาผุ้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ซึ่งนำโดย มิน อ่อง หล่าย (Min Aung Hlaing) ดูเหมือนจะไม่ยอมถอย แต่มุ่งมั่นที่จะปล่อยให้ประเทศของตนเองล่มสลายตราบเท่าที่ยังคงควบคุมสถานการณ์ได้ แม้พวกเขาจะปฏิเสธที่จะสละอำนาจ แต่การเกณฑ์ทหารได้ทำให้ธุรกิจของพวกลักลอบขนคนเข้าเมืองเพิ่มขึ้นตามแนวชายแดนไทยที่ยาวและไร้การควบคุม ผู้อพยพกล่าวว่าค่าใช้จ่ายในการขนส่งคนไปที่ชายแดนด้วยรถยนต์คนละ 600 เหรียญสหรัฐ จากนั้นต้องเดินป่าเป็นเวลา 2 วันเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจพบโดยเจ้าหน้าที่รักษาชายแดน แล้วอัดแน่นกันบนรถกระบะเมื่อเดินทางต่อในฝั่งไทย

รายงานของสื่อฮ่องกง ทิ้งท้ายด้วยความเห็นจากเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ LPN อย่าง Moe Moe ที่กล่าวว่า พ่อแม่ชาวเมียนมาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องส่งลูกๆ ของพวกเขาออกจากบ้านไป และเมื่อมาถึงประเทศไทยก็กลายเป็นแรงงานแม้จะอายุไม่ถึงเกณฑ์ก็ตาม ขณะที่ ปฏิมา กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหยุดยั้งการไหลทะลักของคนหนุ่ม-สาวชาวเมียนมาเข้าประเทศไทย เพราะพวกเขามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของที่นี่ ดังนั้นแทนทีจะกีดกัน ประเทศไทยควรจัดให้มีพื้นที่ปลอดภัย และอาเซียนก็ต้องช่วยกันหาทางออก

ขอบคุณเรื่องจาก

https://www.scmp.com/week-asia/politics/article/3296931/no-way-home-myanmar-migrants-stuck-thai-limbo-4-years-after-coup-usurped-aung-san-suu-kyi

043...

 

 

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • \'โรคหัด\'ระบาดหนัก! เกาหลีใต้-เวียดนาม-ไทยยอดพุ่ง เสี่ยงลามทั่วเอเชีย 'โรคหัด'ระบาดหนัก! เกาหลีใต้-เวียดนาม-ไทยยอดพุ่ง เสี่ยงลามทั่วเอเชีย
  • ‘ไทย’จีบ‘เกาหลีใต้’ลงทุน‘แลนด์บริดจ์’ หยอดคำหวานเชื่อใจทุนโสมขาวมากกว่า‘จีน’ ‘ไทย’จีบ‘เกาหลีใต้’ลงทุน‘แลนด์บริดจ์’ หยอดคำหวานเชื่อใจทุนโสมขาวมากกว่า‘จีน’
  • ‘สหรัฐฯ’ขึ้นบัญชีดำ‘หม่องชิตตู’พร้อมลูกอีก2คน ฐานสนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ‘สหรัฐฯ’ขึ้นบัญชีดำ‘หม่องชิตตู’พร้อมลูกอีก2คน ฐานสนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์
  • สยามเมืองยิ้ม! ไทยติดอันดับ6 \'เมืองที่เป็นมิตรกับชาวต่างชาติมากที่สุดในโลก\' สยามเมืองยิ้ม! ไทยติดอันดับ6 'เมืองที่เป็นมิตรกับชาวต่างชาติมากที่สุดในโลก'
  • ศุลกากร‘อินเดีย’แฉขบวนการลักลอบขน‘กัญชา’จากไทย ใช้ผู้หญิงลำเลียงมากขึ้น ศุลกากร‘อินเดีย’แฉขบวนการลักลอบขน‘กัญชา’จากไทย ใช้ผู้หญิงลำเลียงมากขึ้น
  • \'เมียนมา\'ฟันไม่เลี้ยง! ส่งตัวคนจีนผู้ต้องสงสัยคดี\'ฉ้อโกงโทรคมนาคม\'กลับประเทศ 'เมียนมา'ฟันไม่เลี้ยง! ส่งตัวคนจีนผู้ต้องสงสัยคดี'ฉ้อโกงโทรคมนาคม'กลับประเทศ
  •  

Breaking News

เซ็กซี่ขยี้ใจ! 'จันจิ จันจิรา'อวดหุ่นสวยแซ่บในชุดบิกินีริมหาด

เปิดเนื้อหาฉบับเต็ม! 'กกต.-DSI'ออกหมายเรียก 53 สว. แจงคดีฮั้ว

'สว.อลงกต'ย้ำชัด!พร้อมไปรับทราบข้อกล่าวหา‘คดีฮั้วเลือกสว.’ ถ้าหมายเรียกออกโดยกกต.

KNU ถล่มทหารเมียนมาอย่างหนัก ทำให้มีผู้ลี้ภัยหนีเข้าไทย 343 คน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved