เอเชียใต้ระอุ! ‘อินเดีย’ประกาศกั้นทางน้ำไหลเข้า‘ปากีสถาน’ ตอบโต้เหตุโจมตีเมืองในแคชเมียร์

เอเชียใต้ระอุ! ‘อินเดีย’ประกาศกั้นทางน้ำไหลเข้า‘ปากีสถาน’ ตอบโต้เหตุโจมตีเมืองในแคชเมียร์

วันอาทิตย์ ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2568, 17.33 น.

27 เม.ย. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Panic in Pakistan as India vows to cut off water supply over Kashmir ระบุว่า เกษตรกรชาวปากีสถานในดินแดนแคชเมียร์ ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างอินเดียกับปากีสถาน กำลังกังวลกับการประกอบอาชีพของตนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศ ภายหลังเกิดเหตุนองเลือดจากการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธ ทำให้อินเดียประกาศจะใช้มาตรการตัดการจ่ายน้ำ

โฮมลา ทาคูร์ (Homla Thakhur) เกษตรกรชาวปากีสถานวัย 40 ปีกำลังกังวลเกี่ยวกับอนาคตของตนเอง ขณะที่กำลังฉีดพ่นยากำจัดศัตรูพืชบนแปลงผักที่แห้งแล้ง ซึ่งอยู่ห่างจากแม่น้ำสินธุไปในระยะหนึ่งถนน ท่ามกลางบรรยากาศที่ดวงอาทิตย์กำลังขึ้นสูงสุดและแม่น้ำที่ระดับน้ำกำลังลดลงอย่างมาก เกษตรกรผู้นำระบุว่า หากอินเดียหยุดจ่ายน้ำ แผ่นดินก็จะไม่ต่างกับทะเลทราย และผู้คนก็จะตายด้วยความอดอยาก


ฟาร์มของทาคูร์มีพื้นที่เกือบ 5 เอเคอร์ (2 เฮกตาร์ หรือ 12.5 ไร่) ตั้งอยู่ในพื้นที่ลาติฟาบาด ในแคว้นสินธ์ทางตะวันออกเฉียงใต้ของปากีสถาน ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำสินธุไหลลงสู่ทะเลอาหรับ หลังจากไหลมาจากทิเบตและไหลคดเคี้ยวผ่านอินเดีย ความกังวลของทาคูร์ได้รับเสียงสะท้อนจากเกษตรกรชาวปากีสถานมากกว่า 15 รายและผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฝนตกน้อยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2568 เป็นครั้งแรกที่อินเดียได้ระงับสนธิสัญญาว่าด้วยน่านน้ำสินธุที่ธนาคารโลก (World Bank) เป็นผู้ไกล่เกลี่ยเจนเกิดขึ้นมาได้ตั้งแต่ปี 2503 ซึ่งรับรองน้ำให้กับพื้นที่เกษตรของปากีสถานร้อยละ 80 โดยอินเดียประกาศว่า มาตรการดังกล่าวจะยังคงอยู่จนกว่าปากีสถานจะเลิกสนับสนุนการก่อการร้ายข้ามพรมแดนอย่างน่าเชื่อถือและไม่อาจเพิกถอนได้

อินเดียอ้างว่า 2 ใน 3 ของแนวร่วมกลุ่มติดอาวุธที่ก่อเหตุสังหารนักท่องเที่ยว 26 ราย ในดินแดนแคชเมียร์มาจากปากีสถาน ขณะที่ปากีสถานยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ พร้อมกับขู่กลับไปยังอินเดียด้วยว่า ความพยายามใดๆ ที่จะหยุดยั้งหรือเปลี่ยนเส้นทางการไหลของน้ำที่เป็นของปากีสถานจะถือเป็นการประกาศสงคราม ทั้งนี้ สนธิสัญญาว่าด้วยน่านน้ำสินธุ แบ่งแม่น้ำสินธุและลำน้ำสาขาออกเป็นสองฝ่ายระหว่างอินเดียกับปากีสถาน คู่กรณีที่ต่างก็ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์

เจ้าหน้าที่รัฐบาลและผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 ฝ่าย กล่าวว่า อินเดียไม่สามารถหยุดการไหลของน้ำได้ทันที เนื่องจากสนธิสัญญาอนุญาตให้สร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำได้เท่านั้นโดยไม่มีการกักเก็บหรือสร้างเขื่อนขนาดใหญ่บนแม่น้ำสามสายที่จัดสรรให้กับปากีสถาน แต่สิ่งต่างๆ อาจเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในอีกไม่กี่เดือน ขณะที่ จันทรากานต์ รกุนาถ ปาทิล (Chandrakant Raghunath Paatil) รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรน้ำของอินเดีย โพสต์ข้อความผานแพลตฟอร์ม X ระบุว่า เราจะทำให้แน่ใจว่าน้ำจากแม่น้ำสินธุจะไม่ไหลไปถึงปากีสถาน โดยไม่ได้กล่าวถึงความกังวลในฝั่งปากีสถาน

เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดีย 2 คน ซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อ ให้ข้อมูลว่า กำลังพูดคุยเรื่องละเอียดอ่อนเกี่ยวกับอินเดียอยู่ โดยอินเดียจะเริ่มเบี่ยงน้ำไปยังพื้นที่เกษตรของตนเองโดยใช้คลองภายในไม่กี่เดือน ขณะเดียวกันก็วางแผนสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำซึ่งอาจต้องใช้เวลา 4-7 ปีจึงจะแล้วเสร็จ

ขณะที่ คุชวินเดอร์ โวหรา (Kushvinder Vohra) อดีตหัวหน้าคณะกรรมการน้ำกลางของอินเดีย กล่าวว่า อินเดียจะหยุดแบ่งปันข้อมูลทันที เช่น การไหลของน้ำในบริเวณต่างๆ ของแม่น้ำที่ไหลผ่านอินเดีย ระงับการเตือนน้ำท่วม และข้ามไปสำหรับกำหนดการประชุมประจำปี ภายใต้คณะกรรมการแม่น้ำสินธุถาวรซึ่งมีตัวแทนจากทั้ง 2 ประเทศร่วมเป็นประธาน ดังนั้นปากีสถานจะไม่มีข้อมูลมากนักเกี่ยวกับช่วงเวลาที่มีน้ำและปริมาณน้ำ จึงไม่สามารถวางแผนบริหารจัดการน้ำได้

วาการ์ อาห์เหม็ด (Vaqar Ahmed) นักเศรษฐศาสตร์และหัวหน้าทีมของบริษัทที่ปรึกษา Oxford Policy Management ของอังกฤษ มองว่า ปากีสถานประเมินภัยคุกคามจากการที่อินเดียถอนตัวจากสนธิสัญญาต่ำเกินไป โดยอธิบายว่า อินเดียไม่มีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันท่วงทีที่จะหยุดการไหลของน้ำ โดยเฉพาะในช่วงน้ำท่วม ดังนั้นช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ปากีสถานจะต้องจัดการกับความไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี (Narendra Modi) พยายามเจรจาข้อตกลงใหม่ และทั้งอินเดียกับปากีสถานพยายามหาข้อยุติความขัดแย้งบางส่วนในศาลอนุญาโตตุลาการถาวรในกรุงเฮกของเนเธอร์แลนด์ เกี่ยวกับขนาดพื้นที่เก็บน้ำของโรงไฟฟ้าพลังน้ำคิเชนกังกาและราเทล ซึ่ง โวหรา กล่าวว่า ตอนนี้เราสามารถดำเนินโครงการของเราด้วยความสมัครใจ

ในวันที่ 24 เม.ย. 2568 อินเดียส่งหนังสือถึงปากีสถาน ระบุว่า สถานการณ์เปลี่ยนไปนับตั้งแต่มีการลงนามในสนธิสัญญา รวมถึงการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรและความต้องการแหล่งพลังงานที่สะอาดกว่า โดยอ้างถึงพลังงานน้ำ ขณะที่โฆษกของธนาคารโลก กล่าวว่า  อินเดียลงนามในสนธิสัญญาเพื่อภารกิจที่กำหนดไว้ในขอบเขตจำกัด และไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับการตัดสินใจเกี่ยวกับอำนาจอธิปไตยที่เกี่ยวข้องกับสนธิสัญญาที่ประเทศสมาชิกดำเนินการ

รายงานข่าวทิ้งท้ายด้วยชะตากรรมของ นาดีม ชาห์ (Nadeem Shah) เกษตรกรที่มีฟาร์มขนาด 150 เอเคอร์ (379.5 ไร่) ในแคว้นสินธ์ของปากีสถาน ซึ่งปลูกทั้งฝ้าย อ้อย ข้าวสาลี และผัก ที่ยอมรับว่ากังวลแม้กระทั่งเรื่องน้ำดื่ม เกษตรกรรายนี้ กล่าวว่า ตนเชื่อในพระเจ้า แต่กังวลกับการกระทำของอินเดีย ทั้งนี้ แม่น้ำ 3 สายที่มีไว้สำหรับปากีสถาน ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากร 240 ล้านคน ชลประทานพื้นที่เกษตรกรรมมากกว่า 16 ล้านเฮกตาร์ (ราว 100 ล้านไร่) หรือคิดเป็นร้อยละ 80 ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศ

กาชาริบ เชากาต (Ghasharib Shaokat) จากบริษัทวิจัย Pakistan Agriculture Research ในเมืองการาจีของปากีสถาน กล่าวว่า การกระทำของอินเดียทำให้เกิดความไม่แน่นอนในระบบที่ไม่เคยถูกออกแบบมาให้คาดเดาไม่ได้ ในขณะนี้ เราไม่มีทางเลือกอื่น แม่น้ำที่อยู่ภายใต้สนธิสัญญาไม่เพียงแต่ช่วยสนับสนุนพืชผลเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างเมือง การผลิตไฟฟ้า และแหล่งทำกินอีกหลายล้านชีวิต

หลังจากแยกกันตั้งประเทศในปี 2490 อินเดียกับปากีสถานเคยทำสงครามกันมาแล้วถึง 4 ครั้ง ซึ่งการระงับสนธิสัญญาที่ทั้ง 2 ฝ่ายทำร่วมกันนั้นถือเป็นอันตราย โดย บิลาวัล บุตโต ซาร์ดารี (Bilawal Bhutto Zardari) อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศปากีสถาน ให้ความเห็นว่า เราถูกผูกมัดให้เผชิญกับความขัดแย้งมาหลายชั่วอายุคนแล้ว และการออกจากสนธิสัญญาน้ำสินธุ ตนเชื่อว่าเรากำลังผูกมัดคนรุ่นต่อๆ ไปไว้ในบริบทใหม่ของความขัดแย้ง และสิ่งนั้นไม่ควรเกิดขึ้น

สำหรับแม่น้ำสินธุ (หรือในภาษาอังกฤษคือ Indus River) มีความยาว 3,180 กิโลเมตร มีต้นน้ำอยู่บริเวณน้ำพุบนภูเขาทางตะวันออกเฉียงเหนือของเขาไกรลาสในภูมิภาคทิเบตตะวันตกของจีน ไหลไปทางตะวันตกเฉียงเหนือผ่านดินแดนแคชเมียร์ที่เป็นพื้นที่พิพาทระหว่างอินเดียกับปากีสถาน ผ่านดินแดนลาดักห์ของอินเดีย เข้าสู่เขตปกครองตนเองกิลกิต บัลทิสสถานของปากีสถาน จากนั้นหักโค้งซ้ายบริเวณไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน ก่อนจะแยกและไหลลงสู่ทะเลอาหรับ ซึ่งมีต้นน้ำหลักอยู่ใกล้กับเมืองท่าการาจี

ขอบคุณเรื่องจาก

https://www.reuters.com/world/asia-pacific/panic-pakistan-india-vows-cut-off-water-supply-over-kashmir-2025-04-27/   

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

https://www.naewna.com/inter/879214 ทั่วโลกประณาม! กลุ่มมือปืนกราดยิงนักท่องเที่ยวในแคชเมียร์ ดับแล้วอย่างน้อย 26 ศพ

https://www.naewna.com/inter/879672 'อินเดีย'สั่งปิดเมือง'ปาฮัลกัม'เป็นเวลา2วัน หลังเกิดเหตุการณ์ครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ20ปี

043...

(รอยเตอร์) 25 เม.ย. 2568 ที่เมืองไฮเดอราบัดของปากีสถาน ชายคนหนึ่งกำลังล่องเรือในแม่น้ำสินธุที่แห้งแล้ง

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top