‘ทรัมป์’ฝ่าแรงต้าน! เซ็นคำสั่งคุมราคายาในสหรัฐฯ ขู่ยกระดับหากไม่คืบหน้า

‘ทรัมป์’ฝ่าแรงต้าน! เซ็นคำสั่งคุมราคายาในสหรัฐฯ ขู่ยกระดับหากไม่คืบหน้า

วันอังคาร ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 17.36 น.

13 พ.ค. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ เสนอรายงานพิเศษ What has Trump said about cutting drug prices? ว่าด้วยการตัดสินใจของ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในการลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2568 กำหนดให้บริษัทผลิตยาปรับลดราคาขายยาตามใบสั่งแพทย์ให้เท่ากับราคาที่ประเทศอื่น โดยรัฐบาลสหรัฐฯ จะกำหนดเป้าหมายราคายาให้บริษัทผลิตยาภายใน 1 เดือน แต่หากบริษัทยาไม่สามารถดำเนินการตามความคืบหน้าที่สำคัญ รัฐบาลก็อาจยกระดับมาตรการขึ้น เช่น ดำเนินการด้านกฎระเบียบ หรือรนำเข้ายาจากต่างประเทศ แม้ว่านักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายจะระบุว่าแนวทางของผู้นำสหรัฐฯ อาจทำได้ยากก็ตาม

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทรัมป์มักวิพากษ์วิจารณ์อุตสาหกรรมยาอย่างรุนแรงเกี่ยวกับราคายาในสหรัฐฯ อีกทั้งตำหนิประเทศร่ำรวยอื่นๆ ด้วยว่าฉกฉวยผลประโยชน์ จากนวัตกรรมยาของสหรัฐฯ โดยในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรกในปี 2560 ทรัมป์ได้โจมตีธุรกิจยาว่า "หนีรอดจากการฆาตกรรม" ในราคายาตามใบสั่งแพทย์ที่เรียกเก็บจากรัฐบาล


อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 ความพยายามของทรัมป์ที่จะใช้การอ้างอิงราคายากับต่างประเทศถูกศาลสั่งระงับ และในการหาเสียงชิงเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2567 ทรัมป์ กล่าวว่า ชาวอเมริกันถูกเรียกเก็บเงินค่ายาแพงเกินไปเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ และให้คำมั่นว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ และล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2568 ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า ตนต้องการปรับราคายาให้เท่าเทียมกับประเทศอื่นๆ ด้วยมาตรการภาษีศุลกากร

เป็นเรื่องจริงที่ว่าชาวอเมริกันจ่ายค่ายาตามใบสั่งแพทย์แพงที่สุดในโลก โดยหากเปรียบกับประเทศกำลังพัฒนาแล้วอื่นๆ จะพบว่าแพงกว่าถึงเกือบ 3 เท่า อาทิ ยาละลายลิ่มเลือดที่ขายดีที่สุดอย่าง Eliquis จากบริษัท Bristol Myers Squibb และ Pfizer มีราคาขายในสหรัฐฯ อยู่ที่ 606 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับยา 1 เดือน และแม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ชุดก่อนหน้านี้ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Joe Biden) ได้เจรจาลดราคาลงเหลือ 295 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 1 หมื่นบาท) สำหรับ Medicare ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี 2569 แต่ยาชนิดเดียวกันมีราคา 114 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 3,900 บาท) ในสวีเดน และ 20 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 680 บาท) ในญี่ปุ่น

ในการรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 2 เมื่อเดือน ม.ค. 2568 ทรัมป์ย้ำอีกครั้งเรื่องต้องการยุติปัญหาความเหลื่อมล้ำในเรื่องนี้ และในวันที่ 11 พ.ค. 2568 เขาได้โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ประกาศว่าตนจะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อกำหนดราคาตาม "ประเทศที่ได้รับความอนุเคราะห์สูงสุด" หรือที่เรียกว่าการกำหนดราคาอ้างอิงระหว่างประเทศ คำสั่งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดช่องว่างระหว่างราคาของยาในสหรัฐฯ และต่างประเทศ โดยก่อนหน้านี้ในเดือน เม.ย. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นโยบายดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณา

อย่างไรก็ตาม คำสั่งฝ่ายบริหารที่ออกมาในวันที่ 12 พ.ค. 2568 แตกต่างจากสิ่งที่บรรดาผู้ผลิตยาคาดหวังไว้ แหล่งข่าวจากกลุ่มล็อบบี้ยิสต์ ให้ข้อมูลก่อนการลงนามในคำสั่งว่าพวกเขาคาดว่าการกำหนดราคาตาม "ประเทศที่ได้รับความอนุเคราะห์สูงสุด" จะใช้กับยาสำหรับผู้ป่วยในโครงการ Medicare แต่ดูเหมือนว่าคำสั่งที่ออกมาจะใช้ได้กับยาทั้งหมด นอกจากนี้ ทรัมป์ยังผลักดันให้ผู้ผลิตยาเร่งการผลิตในสหรัฐฯ อีกด้วย โดยรัฐบาลกำลังดำเนินการสอบสวนการนำเข้ายาเพื่อเรียกเก็บภาษีศุลกากร ด้วยเหตุผลว่าการพึ่งพาการผลิตยาจากต่างประเทศเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ

ในยุคสมัยของรัฐบาลไบเดน มีการออกกฎหมายลดเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) อนุญาตให้รัฐบาลเจรจาต่อรองราคาของยาที่มีราคาแพงที่สุดภายในโครงการ Medicare อย่างไรก็ตาม ราคาของยาตามใบสั่งแพทย์ 10 ตัวแรกที่เจรจาต่อรองยังคงสูงกว่าราคาเฉลี่ย 2 เท่า และในบางกรณีสูงกว่าราคาที่ผู้ผลิตยาตกลงกันไว้ถึง 5 เท่า ตามที่สำนักข่าวรอยเตอร์เคยรายงานไว้ก่อนหน้านี้

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า บรรดาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยาแสดงท่าทีคัดค้านอย่างรุนแรงต่อแนวโน้มที่ราคายาในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดยาที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะลดลงอย่างมาก อาทิ ในเดือน เม.ย. 2568  แหล่งข่าวในอุตสาหกรรม 2 ราย ให้ข้อมูลว่า ว่านโยบายดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับอุตสาหกรรมมากกว่ามาตรการอื่นๆ ของรัฐบาล เช่น การเก็บภาษีนำเข้ายา

กลุ่มล็อบบี้ยิสต์หลักในสหรัฐฯ สำหรับผู้ผลิตยา ซึ่งก็คือ Pharmaceutical Research and Manufacturers of America หรือ PhRMA กล่าวว่า เพื่อลดต้นทุนให้กับชาวอเมริกัน จำเป็นต้องแก้ไขสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ราคายาในสหรัฐฯ สูงขึ้น นั่นคือต่างประเทศไม่จ่ายส่วนแบ่งที่ยุติธรรม และคนกลางดันราคายาให้ผู้ป่วยในสหรัฐฯ สูงขึ้น เช่นเดียวกับ จอห์น โครว์ลีย์ (John Crowley) ซีอีโอของ BIO ซึ่งเป็นกลุ่มการค้าหลักสำหรับบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพในสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ระบุว่า  แนวคิดเรื่อง “ประเทศที่ได้รับความอนุเคราะห์สูงสุด” เป็นข้อเสนอที่มีข้อบกพร่องอย่างร้ายแรง ซึ่งจะทำลายบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพขนาดเล็กและขนาดกลางในสหรัฐฯ

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการอ้างอิงราคาจากประเทศอื่นนั้นมีความซับซ้อน เนื่องจากยาหลายชนิดที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ไม่สามารถหาซื้อได้ในต่างประเทศ และบางประเทศไม่เปิดเผยราคาที่จ่ายไปสำหรับยา หรือต้องใช้เวลาหลายปีในการเจรจาราคา ทั้งนี้ สหรัฐฯ ไม่ได้ซื้อยาโดยตรงให้กับระบบสุขภาพแห่งชาติ เช่นเดียวกับประเทศต่างๆ เช่น อังกฤษและเยอรมนี แต่กลับอาศัยภาคเอกชนในการจัดการเจรจาราคายาสำหรับแผนสุขภาพของทั้งรัฐบาลและเอกชน

นักวิเคราะห์กล่าวว่าการบังคับใช้คำสั่งกว้างๆ ดังกล่าวอาจเป็นเรื่องยาก ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย กล่าวว่า คำสั่งของฝ่ายบริหารอาจเผชิญกับความท้าทายทางกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เกินขีดจำกัดที่กฎหมายสหรัฐฯ กำหนดไว้ รวมถึงการนำเข้ายาจากต่างประเทศ

ขอบคุณเรื่องจาก

https://www.reuters.com/business/healthcare-pharmaceuticals/what-has-trump-said-about-cutting-drug-prices-2025-05-12/

043...

(รอยเตอร์) 12 พ.ค. 2568 ที่ทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ โรเบิร์ต เอฟ.เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์แห่งสหรัฐฯ แถลงข่าวร่วมกัน ในการออกคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี ว่าด้วยการกำหนดราคายาที่ต้องสั่งโดยแพทย์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top