วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุกองทัพเมียนมาโจมตีทางอากาศใส่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในหมู่บ้าน Oe Htein Kwin ที่อยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว ทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 100 กิโลเมตร เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ตามการระบุของชาวบ้าน
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เผยว่า เขาวิตกกังวลอย่างยิ่งกับรายงานเกี่ยวกับการโจมตีครั้งนี้ และเสริมว่าโรงเรียนควรคงไว้ซึ่งความเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กๆ ในการเรียนรู้ ไม่ใช่การถูกโจมตีด้วยระเบิด
อาคารเรียนสีเขียวของโรงเรียนแตกเป็นเสี่ยงๆ หลังคาโลหะพังยับเยินจนมีรูพรุนทะลุผนังอิฐ กระเป๋าหนังสือที่ถูกทิ้งไว้กว่าสิบใบถูกวางกองไว้หน้าเสาธงที่ชักธงชาติเมียนมาอยู่ด้านนอก ขณะที่ผู้ปกครองขุดหลุมฝังศพเล็กๆ เพื่อฝังร่างของเด็กๆ
ครูวัย 34 ปีของโรงเรียนกล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 22 ราย แบ่งเป็นเด็ก 20 รายและครู 2 ราย เราพยายามกระจายเด็กๆ ออกไป แต่เครื่องบินรบโจมตีอย่างรวดเร็วเกินไปและทิ้งระเบิด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่การศึกษาจากพื้นที่หมู่บ้านในเขตสะกายยืนยันข้อมูลตัวเลขผู้เสียชีวิตจำนวนเท่ากัน
อย่างไรก็ตาม หน่วยข้อมูลของคณะรัฐประหารเมียนมาระบุว่า รายงานการโจมตีดังกล่าวเป็น "ข่าวปลอม" ไม่มีการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายที่ไม่ใช่กองทหาร หน่วยงานดังกล่าวระบุในแถลงการณ์
เมียนมาแตกแยกจากสงครามกลางเมืองนับตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนในปี 2564 โดยคณะรัฐประหารต้องสูญเสียอย่างหนักให้กับกองกำลังต่อต้านรัฐประหารและกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ที่เคลื่อนไหวมายาวนาน
แต่กองทัพให้คำมั่นว่าจะหยุดยิงตลอดเดือนนี้เพื่อดำเนินกระบวนการฟื้นฟู หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกนิจูดบริเวณตอนกลางของประเทศ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปเกือบ 3,800 ราย
ปัจจุบันผู้คนหลายหมื่นคนยังคงอาศัยอยู่นอกบ้าน หลังจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำให้บ้านเรือนของพวกเขาพังยับเยินหรือได้รับความเสียหายอย่างหนัก
สหประชาชาติและผู้ตรวจสอบความขัดแย้งอิสระกล่าวว่า คณะทหารยังคงดำเนินการโจมตีทางอากาศต่อไป แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงเพื่อบรรเทาทุกข์ก็ตาม
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหประชาชาติกล่าวว่าตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหว มีพลเรือนเสียชีวิตมากกว่า 200 รายจากการโจมตีทางทหารอย่างน้อย 243 ครั้ง รวมถึงการโจมตีทางอากาศ 171 ครั้ง
ในคำประกาศหยุดยิง กองทัพเตือนว่าจะใช้มาตรการตอบโต้ที่จำเป็น หากฝ่ายตรงข้ามกดดัน
ขณะที่กลุ่มต่อต้านรัฐประหารและกลุ่มชาติพันธุ์จำนวนมากได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะยุติการสู้รบ อย่างไรก็ตาม ระหว่างการสงบศึก ชาวบ้านบางส่วนในเมียนมาตะวันออกกล่าวว่าพวกเขาต้องอพยพเนื่องจากกองกำลังต่อต้านรัฐประหารได้ปิดล้อมเมืองที่รัฐบาลทหารยึดครอง
นอกจากนี้ การดำเนินการบรรเทาทุกข์ยังถูกขัดขวางจากการขาดแคลนเงินทุน เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ตัดงบประมาณช่วยเหลือระหว่างประเทศที่รัฐบาลวอชิงตันเคยสนับสนุน
ขอบคุณภาพ : Mizzima - Myanmar News - English Edition
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี