16 มิ.ย. 2568 น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา (U.S. Department of State) ได้ปรับระดับคำแนะนำการเดินทาง (Travel Advisory) ฉบับล่าสุดเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2568 โดยจัดประเทศไทยให้อยู่ใน ระดับ 1 – Exercise Normal Precautions ซึ่งเป็นระดับปลอดภัยสูงสุด หมายความว่านักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาไทยได้อย่างมั่นใจเรื่องความปลอดภัย เทียบเท่าประเทศชั้นนำอย่าง ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา และสิงคโปร์
การได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับปลอดภัยที่สุดจากสหรัฐฯ ไม่เพียงสะท้อนภาพลักษณ์ที่ดีด้านความมั่นคงและความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และบริการต่าง ๆ ที่จะมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง สร้างงาน สร้างรายได้ และกระจายความเจริญสู่ชุมชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวสหรัฐฯ ซึ่งมีศักยภาพการใช้จ่ายสูงและนิยมเดินทางเชิงคุณภาพ
ทั้งนี้ แม้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส จะยังอยู่ในระดับ 2 – Increased Caution แต่ภาพรวมเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา ฯลฯ ยังอยู่ในระดับปลอดภัยตามมาตรฐานสากลอย่างมั่นคง ความสำเร็จนี้สะท้อนถึงความพยายามของไทยในการดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวผ่านมาตรการต่าง ๆ อาทิ การจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว (Tourist Assistance Center: TAC) กองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และศาลแผนกคดีนักท่องเที่ยว เพื่ออำนวยความยุติธรรมอย่างเป็นระบบ
“รัฐบาลขอขอบคุณประชาชนทุกภาคส่วนที่ร่วมกันสร้างความมั่นคงปลอดภัย จนประเทศไทยได้รับการยอมรับในระดับโลก การจัดอันดับระดับ 1 จากสหรัฐฯ คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า ประเทศไทยพร้อมสำหรับการเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวระดับสากล” น.ส.ศศิกานต์ ทิ้งท้าย
ทั้งนี้ เว็บไซต์ travel.state.gov ของทางการสหรัฐอเมริกา ในหัวข้อ “คำแนะนำในการดินทางในประเทศไทย (Thailand Travel Advisory)” ฉบับปรับปรุงล่าสุด ณ วันที่ 9 มิ.ย. 2568 ได้ระบุเนื้อหาว่า ในภาพรวมอยู่ในระดับ 1 : ดำเนินมาตรการป้องกันตามปกติ (Level 1: Exercise Normal Precautions)
- ปรับปรุงเพื่อสะท้อนถึงระดับคำแนะนำการเดินทางที่ต่ำลงสำหรับบางจังหวัดในประเทศไทย : ใช้มาตรการป้องกันตามปกติในประเทศไทย บางพื้นที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
- ใช้มาตรการป้องกันที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับ : จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลา เนื่องจากความไม่สงบทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของกลุ่มก่อความไม่สงบที่ยังคงดำเนินอยู่
- หากคุณตัดสินใจเดินทางไปประเทศไทย :
1.มีแผนอพยพที่ไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
2.ลงทะเบียนในโครงการ Smart Traveler Enrollment Program (STEP) เพื่อรับการแจ้งเตือนและค้นหาคุณได้ง่ายขึ้นในกรณีฉุกเฉิน
3.อ่านรายงานความปลอดภัยของประเทศสำหรับประเทศไทย เตรียมแผนฉุกเฉินสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน อ่านรายการตรวจสอบสำหรับนักเดินทาง
4.ไปที่หน้า CDC เพื่อดูข้อมูลด้านสุขภาพในการเดินทางล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางของคุณ
5.เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้คุณซื้อประกันก่อนเดินทาง ตรวจสอบกับผู้ให้บริการประกันการเดินทางของคุณเกี่ยวกับความช่วยเหลือในการอพยพ ประกันสุขภาพ และความคุ้มครองการยกเลิกการเดินทาง
- จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส : ระดับ 2 เพิ่มความระมัดระวัง (Level 2: Exercise Increased Caution)
มีรายงานว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นระยะระหว่างเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของไทยกับกลุ่มก่อความไม่สงบติดอาวุธเกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนใต้สุดของประเทศไทย ได้แก่ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส อำเภอทั้ง 17 แห่งในจังหวัดเหล่านี้ยังคงอยู่ภายใต้ภาวะฉุกเฉินเนื่องจากความขัดแย้งรุนแรงที่ยังคงดำเนินอยู่ มีความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงขึ้นกับพลเมืองสหรัฐฯ ในจังหวัดชายแดนใต้สุดของประเทศไทยเนื่องจากยังมีสถานการณ์ความขัดแย้งแม้จะไม่รุนแรงมากนัก
รัฐบาลสหรัฐฯ มีศักยภาพจำกัดในการให้บริการฉุกเฉินแก่พลเมืองสหรัฐฯ ในจังหวัดเหล่านี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องได้รับอนุญาตพิเศษเพื่อเดินทางไปยังจังหวัดเหล่านี้
ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/97495
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี