7 ก.ค. 2568 นสพ.The Phnom Penh Post ของกัมพูชา เผยแพร่บทความ Polling Propaganda vs. Public Truth: Why the Thai Narrative About Samdech Techo Hun Sen Fails to Convince Cambodians ซึ่งเขียนโดย Roth Santepheap เป็นนักวิเคราะห์ภูมิรัฐศาสตร์ชาวกัมพูชาซึ่งอยู่ในกรุงพนมเปญ เนื้อหาดังนี้
ในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดและข้อมูลที่ผิดพลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การสำรวจความคิดเห็นสามารถเปิดเผยความจริงได้ หรืออาจใช้เป็นอาวุธเพื่อบิดเบือนความจริงก็ได้ เช่นเดียวกับกรณีของ NIDA Poll ที่เพิ่งเปิดตัว โดยสถาบันที่ได้รับทุนจากรัฐบาลไทย ซึ่งพยายามใส่ร้าย ฮุน เซน (Hun Sen) ประธานวุฒิสภากัมพูชาและอดีตนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งมายาวนาน โดยกล่าวหาว่าเขาไม่น่าไว้วางใจ เห็นแก่ตัว และแทรกแซงการเมืองไทย
แม้ว่ากลไกทางการเมืองของไทยจะปั่นกระแสเพื่อการบริโภคภายในประเทศ แต่ประชาชนกัมพูชาได้พูดออกไปแล้ว และได้พูดอย่างชัดเจน การสำรวจความคิดเห็นล่าสุดที่ดำเนินการโดย Asia Vision Institute (AVI) เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2568 นำเสนอความจริงที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานความชอบธรรมของประชาชน ความอดทนเชิงยุทธศาสตร์ และความสามัคคีของชาติ
- ผลสำรวจของ NIDA: ภาพสะท้อนของความกลัว ไม่ใช่ข้อเท็จจริง
ผลสำรวจของ NIDA ซึ่งดำเนินการตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. – 2 ก.ค. 2568 โดยมีผู้ตอบแบบสอบถาม 1,310 คน ได้วาดภาพล้อเลียนฮุนเซนว่าเป็นบุคคลต่างชาติที่ก่อความวุ่นวายซึ่งเข้ามาแทรกแซงการเมืองของไทยและแสวงหาผลประโยชน์เพียงตัวเอง นี่ไม่ใช่การวิเคราะห์นโยบายที่จริงจัง แต่เป็นความพยายามอย่างเป็นระบบเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความไม่มั่นคงภายในประเทศของไทยและโยนความผิดไปที่ผู้นำที่เข้มแข็งและสม่ำเสมอของกัมพูชา
การที่ผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทย 67.63% อ้างว่าฮุน เซนกระทำการเพื่อประโยชน์ของตนเอง และ 57.25% ระบุว่าเขาไม่น่าเชื่อถือ บ่งบอกอะไรเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางการเมืองของไทยได้มากกว่าตัวเขาเอง คำตอบเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่สบายใจที่เพิ่มมากขึ้นภายในสถาบันการเมืองของไทย ซึ่งก็คือความกลัวต่ออิทธิพล ประสบการณ์ และความกล้าที่จะพูดความจริงของฮุน เซนที่ผู้นำไทยปฏิเสธที่จะเผชิญหน้า
ผลสำรวจเผยให้เห็นความวิตกกังวลอย่างลึกซึ้งภายในประชาชนชาวไทยเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของตนเอง เมื่อ 43.05% บอกว่าคำทำนายของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรีของไทยนั้น “ไม่น่าเชื่อ” และ 34.12% บอกว่ามันเป็น “การเดาสุ่ม” แสดงให้เห็นว่าพื้นฐานทางการเมืองในกรุงเทพฯ นั้นเปราะบางเพียงใด เหตุใดจึงหวาดระแวงต่อคำพูดของผู้นำต่างชาติเช่นนั้น เว้นแต่จะมีอะไรปิดบังอยู่?
- การสำรวจของ AVI: ความเชื่อมั่น ความสามัคคี และการสนับสนุนสันติภาพของประชาชน
ในทางตรงกันข้าม การสำรวจของ AVI ซึ่งดำเนินการเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2568 โดยมีผู้เข้าร่วม 1,588 คนจากหลากหลายภาคส่วน รวมทั้งนักศึกษา เจ้าหน้าที่รัฐ และแรงงาน แสดงให้เห็นว่ามีการสนับสนุนรัฐบาลกัมพูชาและผู้นำในการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนกัมพูชา-ไทยอย่างท่วมท้น และที่สำคัญกว่านั้น การสำรวจยังเผยให้เห็นถึงความไว้วางใจของประชาชนในระดับสูงต่อแนวทางสันติภาพ กฎหมาย และยุทธศาสตร์ของกัมพูชา
ผลลัพธ์ที่สำคัญ ได้แก่ ชาวกัมพูชา 93.6% พึงพอใจกับการจัดการข้อพิพาทชายแดนไทยของรัฐบาล โดยเกือบ 99.8% สนับสนุนให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศใช้ช่องทางในการแก้ไขข้อพิพาทกรณีวัดตาเมือนธม วัดตาเมือนเตา และวัดตากระบวย โดยเกือบ 99.8% สนับสนุนการตัดสินใจปิดพรมแดนเพื่อตอบโต้การยั่วยุของกองทัพไทย โดย 88.7% เชื่อว่ากองทัพไทยเป็นผู้ยั่วยุความขัดแย้ง ในขณะที่ 23.1% ตำหนิกลุ่มชาตินิยมหัวรุนแรงของไทย 95.8% สนับสนุนให้กองทัพกัมพูชา (RCAF) ยืนเฝ้ายามตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันเพื่อปกป้องอธิปไตยของกัมพูชา
ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่าประเทศเป็นหนึ่งเดียว ไม่ใช่แบ่งแยก แสดงให้เห็นว่าความเป็นผู้นำของฮุน เซนยังคงได้รับความเคารพอย่างสูง ไม่เพียงแต่ในประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ในปัจจุบันด้วย แม้ว่าประเทศไทยจะประสบปัญหาทางการเมืองที่ไม่แน่นอน แต่กัมพูชายังคงยืนหยัดอย่างมั่นคง โดยมีกลยุทธ์ทางกฎหมายที่ชัดเจน กองทัพที่มีวินัย และประชากรที่พร้อมจะปกป้องสันติภาพ
- ผู้นำที่ได้รับการยกย่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ
การรณรงค์ของไทยเพื่อทำลายชื่อเสียงของฮุน เซนนั้นไม่เพียงแต่เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น แต่ยังเป็นการไม่มั่นคงอย่างยิ่งอีกด้วย เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ฮุน เซนนำพากัมพูชาฝ่าฟันสงคราม ความยากจน และการแทรกแซงจากต่างประเทศ จนกระทั่งประเทศฟื้นตัว เติบโต และได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ เสียงของเขามีความสำคัญ ไม่ใช่เพราะเป็นการยั่วยุ แต่เพราะเป็นการพูดจากประสบการณ์
บรรดาตนในประเทศไทยที่วิพากษ์วิจารณ์ฮุน เซนกรงกลัวเสียงนี้เพราะดังก้องไปทั่วนอกพรมแดนกัมพูชา เมื่อเขาเตือนถึงความไม่มั่นคงทางการเมืองในประเทศไทย มันไม่ใช่ภัยคุกคาม แต่เป็นข้อสังเกตที่มีข้อมูลครบถ้วน
แทนที่จะแก้ไขวิกฤติภายใน ชนชั้นนำของไทยกลับเลือกที่จะโจมตีผู้ส่งสาร
แต่ประวัติของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซนก็พูดแทนตัวเองได้: เขาสนับสนุนการแก้ไขปัญหาอย่างสันติผ่านกฎหมายระหว่างประเทศอย่างสม่ำเสมอ เป็นผู้นำที่ยกระดับกัมพูชาให้มีความสำคัญในภูมิภาคอาเซียน นักการเมืองที่ได้รับการยอมรับจากมหาอำนาจระดับโลก ตั้งแต่จีนไปจนถึงยุโรป
ชนชั้นทางการเมืองของไทยอาจพยายามบิดเบือนความคิดเห็นผ่านการสำรวจของ NIDA แต่ความจริงไม่สามารถถูกบิดเบือนได้ตลอดไป ชาวกัมพูชาได้แสดงให้โลกเห็นว่าพวกเขายืนอยู่ตรงไหนผ่านการสำรวจของ AVI: ด้วยสันติภาพ ด้วยอำนาจอธิปไตย และด้วยผู้นำที่รับใช้ประเทศ ไม่ใช่เพื่อตัวพวกเขาเอง
สมเด็จมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซนยังคงเป็นบุคคลที่ได้รับการเคารพนับถือในระดับประเทศ ไม่เพียงแต่ในกัมพูชาเท่านั้น แต่ทั่วทั้งภูมิภาค เขาไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากการสำรวจที่ลำเอียงทางการเมืองจากฝั่งตรงข้ามเพื่อยืนยันมรดกของเขา
ประเทศไทยอาจพยายามบ่อนทำลายเขาด้วยคำพูด แต่กัมพูชาสนับสนุนเขาด้วยการกระทำ ความภักดี และความไว้วางใจ และนั่นคือสิ่งที่ประวัติศาสตร์จะจดจำในที่สุด
ขอบคุณเรื่องจาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
https://www.naewna.com/politic/896948 ‘นิด้าโพล’เผยผลสำรวจชี้‘ฮุน เซน’ไม่น่าไว้วางใจ ซัดคำทำนายเปลี่ยนตัวนายกฯมั่ว!
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี