8 กรกฎาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จากกรณีที่สหรัฐฯส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีใหม่ไปยัง 14 ประเทศ ถือเป็นหนึ่งในมาตรการเพิ่มแรงกดดันเพื่อเร่งกระบวนการเจรจาปิดดีลการค้า ซึ่งประเทศไทยที่จะต้องเผชิญกับภาษีในอัตรา36% 

หลังจากนั้นประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เตือนประเทศที่ถูกสหรัฐฯ ขึ้นภาษีว่าหากมีการตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ พวกเขาก็จะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นไปอีก 'ทรัมป์' ระบุว่า การขึ้นภาษีครั้งนี้ยังถือว่าไม่ยุติธรรมในมุมมองของสหรัฐฯ เพราะเป็นจำนวนเงินที่เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความเสียหายที่ประเทศต่างๆ ได้สร้างไว้ในตลอดหลายปีที่ผ่านๆ มา

"ไม่เคยมีประธานาธิบดีคนไหนที่กล้าทำแบบนี้ ผมทำมาแล้วตั้งแต่สมัยแรก ทั้งกับจีนและประเทศอื่นๆ เรามีรายได้จากภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้นหลายแสนล้านดอลลาร์โดยที่ไม่มีภาวะเงินเฟ้อ นี่เป็นช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จทางการเงินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศเรา ผมคิดว่าในวาระนี้มันจะยิ่งดีขึ้นกว่าเดิม"

เมื่อผู้สื่อข่าวได้ถามประธานาธิบดีของสหรัฐว่าจดหมายแจ้งอัตราภาษีที่ส่งไปนั้นเป็นข้อเสนอสุดท้ายแล้วหรือไม่ และยังสามารถเจรจาต่อรองได้อีกหรือไม่ ทรัมป์ก็ได้ตอบว่า "ก็ถือว่าเป็นข้อเสนอสุดท้ายแล้ว" ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ถามต่ออีกว่า กำหนดการใหม่ในเดือนสิงหาคมนี้ถือเป็นเส้นตายที่เลื่อนไม่ได้แล้วใช่หรือไม่ ทรัมป์ก็ตอบว่า "ผมว่ามันก็แน่นอนนะ แต่ก็ไม่ถึงกับตายตัว 100% ถ้าพวกเขาโทรมาแล้วบอกว่าอยากจะทำในแนวทางอื่น เราก็พร้อมจะรับฟัง"

"สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงกับสหราชอาณาจักรและจีนแล้ว และใกล้จะทำข้อตกลงกับอินเดียได้สำเร็จ ส่วนประเทศอื่นๆ ที่เคยเจรจาด้วยนั้น เขาไม่คิดว่าจะสามารถตกลงกันได้ จึงต้องส่งจดหมายแจ้งไป ถ้าอยากจะร่วมมือด้วย นี่คือสิ่งที่คุณต้องจ่าย ดังนั้น สำหรับผมแล้ว ถือว่าเราเสร็จสิ้นขั้นตอนการส่งจดหมายไปยังประเทศต่างๆ เพื่อแจ้งว่าพวกเขาต้องจ่ายภาษีเท่าไหร่ บางประเทศอาจจะมีการปรับเปลี่ยนได้เล็กน้อย ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีเหตุผลที่ดีพอ แต่เราจะไม่ทำอย่างไม่เป็นธรรม และอันที่จริงแล้ว นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับสิ่งที่เราควรจะได้รับ เราสามารถเรียกร้องได้มากกว่านี้อีกมาก แต่เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่เรามีกับหลายประเทศที่ดีๆ เราจึงเลือกที่จะทำในแนวทางของผมเอง"