8 ก.ค. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว China warns Trump on tariffs, threatens retaliation on supply chain deals ระบุว่า จีนได้ออกมาเตือนสหรัฐอเมริกาว่าอย่าจุดชนวนความตึงเครียดทางการค้าขึ้นอีก เนื่องจากสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสินค้าของจีนอีกครั้งในเดือน ส.ค. 2568 และยังขู่ด้วยว่าจะตอบโต้ประเทศต่างๆ ที่ตกลงกับสหรัฐฯ เพื่อตัดจีนออกจากห่วงโซ่อุปทาน
เมื่อเดือน มิ.ย. 2568 สหรัฐฯ กับจีนตกลงกรอบการค้าได้สำเร็จ ซึ่งทำให้การเจรจาสงบศึกที่ยังไม่ชัดเจนกลับมาเป็นปกติ แต่ด้วยรายละเอียดหลายอย่างที่ยังไม่ชัดเจน ผู้ค้าและนักลงทุนทั้งสองฝั่งของแปซิฟิกกำลังจับตาดูว่าการเจรจาจะคลี่คลายลงหรือนำไปสู่การผ่อนคลายความตึงเครียดอย่างถาวรหรือไม่
เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2568 โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เริ่มแจ้งให้ประเทศคู่ค้าทราบว่าสหรัฐฯ จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าในอัตราที่สูงขึ้นอย่างมากตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2568 เป็นต้นไป หลังจากที่เลื่อนการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเกือบทั้งหมดในเดือน เม.ย. 2568 เหลือเพียง 10% เพื่อให้ประเทศเหล่านั้นมีเวลาที่จะเจรจาข้อตกลงกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก
จีน ซึ่งในช่วงแรกถูกสหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าเกินกว่า 100% มีเวลาจนถึงวันที่ 12 ส.ค. 2568 ในการบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ เพื่อป้องกันไม่ให้ทรัมป์กลับมาใช้มาตรการควบคุมการนำเข้าสินค้าเพิ่มเติมที่เคยบังคับใช้ระหว่างการแลกเปลี่ยนแบบตอบโต้กันในเดือน เม.ย. – พ.ค. 2568
ขณะที่ นสพ. People's Daily ซึ่งเป็นสื่อของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระบุในบทบรรณาธิการโดยอ้างถึงการแลกเปลี่ยนสินค้าในรอบปัจจุบันของความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ บทความนี้ลงนามโดย “จงเซิง (Zhong Sheng)” หรือ "เสียงของจีน" ซึ่งเป็นคำที่หนังสือพิมพ์ใช้แสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศ
บทความของสื่อจีนยังย้ำถึงมุมมองของทางการจีนที่ว่านโยบายภาษีของทรัมป์เปรียบเหมือนการกลั่นแกล้ง และเสริมว่า การปฏิบัติได้พิสูจน์แล้วว่าการยึดมั่นในหลักการเท่านั้นที่จะปกป้องสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของตนได้อย่างแท้จริง คำพูดดังกล่าวปูทางไปสู่สงครามภาษีรอบใหม่ หากทรัมป์ยังยึดมั่นในสิ่งที่ถูกระบุจากสื่อจีนว่าเป็นสิ่งที่เรียกว่า' “ฟางเส้นสุดท้าย” นอกจากนั้น บทความยังโจมตีประเทศเศรษฐกิจในภูมิภาคที่กำลังพิจารณาทำข้อตกลงลดภาษีศุลกากรกับสหรัฐฯ ซึ่งตัดจีนออกจากห่วงโซ่อุปทานของตน
“จีนคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อฝ่ายใดก็ตามที่ทำข้อตกลงที่เสียสละผลประโยชน์ของจีนเพื่อแลกกับการลดหย่อนภาษีนำเข้า หากเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น จีนจะไม่ยอมรับและจะตอบโต้อย่างเด็ดขาดเพื่อปกป้องผลประโยชน์อันชอบธรรมของตน” บทความจาก People's Daily ระบุ
ข้อมูลจากสถาบัน Peterson Institute for International Economics ระบุว่า ขณะนี้ภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนโดยเฉลี่ยของสหรัฐฯ อยู่ที่ร้อยละ 51.1 ในขณะที่ภาษีนำเข้าเฉลี่ยของจีนต่อสินค้าสหรัฐฯ อยู่ที่ร้อยละ 32.6 โดยทั้งสองฝ่ายรับผิดชอบการค้าทั้งหมดของตนเอง ขณะที่สัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐฯ ได้ประกาศลดภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนามจากร้อยละ 46 เหลือร้อยละ 20 และตกลงที่จะจัดเก็บภาษีสินค้าที่ส่งต่อผ่านเวียดนาม ซึ่งโดยทั่วไปมีต้นทางจากจีน ในอัตราร้อยละ 40
ขอบคุณเรื่องจาก
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี