27 กรกฎาคม 2568 สำนักข่าว Khmer Times สื่อของกัมพูชารายงานว่า พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของไทยที่ว่ากัมพูชาใช้อาวุธปืน BM21 ยิงถล่มปราสาทตาเมือนธม โดยกล่าวว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่สมเหตุสมผลและมีเจตนาร้าย

โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงต่อสื่อมวลชนว่า ไทยเป็นผู้ยิงกระสุนปืนใส่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นปราสาทของกัมพูชาาโดยอาศัยแผนที่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย 

พลโทหญิง มาลี โสเจียตา กล่าวว่า “เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวจากเพจทางการของกองทัพบกไทยว่า กัมพูชายิงปืน BM21 ใส่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อันที่จริง ปราสาทตาเมือนธมเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นโดยบรรพบุรุษชาวเขมร และถือกรรมสิทธิ์โดยชอบด้วยกฎหมายภายใต้อธิปไตยของกัมพูชาตามแผนที่กฎหมาย ปราสาทตาเมือนธมตั้งอยู่ในเขตจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่กัมพูชาจะทำลายทรัพย์สินของตน แต่มีเพียงฝ่ายไทยเท่านั้นที่มีเจตนาร้ายเหล่านี้”

เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 เวลา 02.00 น. กองกำลังไทยได้ยิงกระสุนปืนใหญ่โจมตีพื้นที่ทุ่งอินทรี และเวลา 02.30 น. ได้เพิ่มการยิงถล่มไปยังตาทาว, พนม 333  และพนมขะเมา และเวลา 04.50 น. มีการยิงถล่มเพิ่มเติมไปยังปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย เวลา 06.00 น. กองกำลังทหารราบไทยได้รุกรานเข้าสู่พื้นที่พนมขะเมา เขตอานแซะ และทุ่งอินทรี จากนั้นมีการรุกรานครั้งใหญ่ในเวลา 06.30 น. โดยมีรถถังและทหารราบรุกเข้าสู่หลายพื้นที่ รวมถึงทุ่งอินทรี, 5 มกรา, พนมขะเมา และอานแซะ

การละเมิดอธิปไตยของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง การปฏิบัติการทางทหารที่ก้าวร้าว และการเพิกเฉยต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความสงบเรียบร้อย สันติภาพ และเสถียรภาพระหว่างประเทศ ไม่เพียงแต่ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทยเท่านั้น แต่รวมถึงทั่วทั้งภูมิภาค การกระทำเช่นนี้บั่นทอนความพยายามทั้งหมดที่จะแก้ไขปัญหาโดยสันติ และแสดงให้เห็นถึงเจตนาที่ชัดเจนของไทยที่จะยกระดับความขัดแย้งมากกว่าที่จะลดความรุนแรงลง

กัมพูชาเรียกร้องให้กองทัพบกไทยยุติการโกหกและการใช้ข้ออ้างเท็จเพื่ออ้างเหตุผลในการรุกรานโดยผิดกฎหมายโดยทันที ประชาคมระหว่างประเทศต้องรับผิดชอบต่ออาชญากรรมของไทยอย่างเต็มที่ และเรียกร้องให้ยุติการสู้รบทุกรูปแบบ กัมพูชาเน้นย้ำความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ที่จะหยุดยิงทันทีและยุติข้อพิพาททั้งหมดโดยสันติตามกฎหมายระหว่างประเทศ

ขณะเดียวกัน กัมพูชาได้ยืนยันอำนาจอธิปไตยและสิทธิในการป้องกันตนเองตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ เพื่อปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดน อำนาจอธิปไตยของชาติ และชีวิตของประชาชนจากการรุกรานที่ผิดกฎหมายของไทย

ที่มา : khmer times