‘เนปาล’จลาจล ม็อบบุกเผาพระราชวัง-รัฐสภา มวลชนลุกฮือขับไล่รัฐบาล

‘เนปาล’จลาจล ม็อบบุกเผาพระราชวัง-รัฐสภา มวลชนลุกฮือขับไล่รัฐบาล

วันพฤหัสบดี ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

‘เนปาล’จลาจล
ม็อบบุกเผาพระราชวัง-รัฐสภา
มวลชนลุกฮือขับไล่รัฐบาล
ประท้วงโกง-ปิดกั้นโซเชียล
ลุยเผาทุกอย่าง/ตายแล้ว22
เมียอดีตนายกฯดับคากองไฟ

เนปาลจลาจลลุกเป็นไฟ!ปชช.คนรุ่นใหม่ประท้วงลุกลาม ไม่พอใจรัฐบาลมีปัญหาคอร์รัปชั่นและบล็อกการเข้าถึงโซเชียล มีเดียหลายแพลตฟอร์ม แม้มีการยกเลิก แต่การประท้วงยังดำเนินต่อไป ลุกลามรุนแรง บุกเผาทำลายรัฐสภา อาคารของรัฐบาลหลายแห่ง รวมถึงพระราชวังเก่า หลังประท้วงปะทะเดือด กองทัพเนปาลส่งทหารลาดตระเวนทั่วกาฐมาณฑุ ท่ามกลางมาตรการเคอร์ฟิว เบื้องต้นยอดเสียชีวิต 22 ราย บาดเจ็บนับร้อยราย

ทหารเนปาลได้ออกลาดตระเวนตามท้องถนนในกรุงกาฐมาณฑุ ท่ามกลางมาตรการเคอร์ฟิวที่ประกาศใช้แบบไม่มีกำหนดในเมืองหลวงของเนปาลเมื่อวานนี้(10 ก.ย.)หลังจากการประท้วงกลุ่มคนรุ่นใหม่ใหม่ ที่เรียกว่าGenZ หัวรุนแรงต่อต้านการทุจริตของรัฐบาลและบล็อกการเข้าถึงโซเชียลมีเดียหลายแพลตฟอร์ม ที่ดำเนินมาสองวัน และทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากซึ่งเป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรี เคพี ชาร์มา โอลิ ต้องลาออกจากตำแหน่ง


ขณะที่อาคารรัฐสภา และอาคารของรัฐบาลหลายแห่งถูกวางเพลิงเผาทำลาย ผู้ประท้วงได้บุกเข้าไปที่สิงห์ ดูร์บาร์(Singha Durbar)พระราชวังเดิมที่ตั้งอยู่ในกรุงกาฐมาณฑุ ของเนปาล ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการหลายแห่งของเนปาล รวมถึงรัฐสภาและกระทรวงต่างๆ

โดยฝูงชนนับร้อยที่บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเนปาลก็ได้จุดไฟเผาอาคารพร้อมกับบุกฝ่ากำแพงเข้าสู่รัฐสภาเนปาลกำแพงภายนอก และกระจกหน้าต่างถูกพ่นสเปรย์กราฟฟิตี รวมถึงข้อความต่อต้านการทุจริตและถูกทุบทำลาย อีกทั้งยังบุกทำลายข้าวของในอาคารเพลิงเผาวอดจนมีกลุ่มควันดำหนาทึบลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า พร้อมทั้งพบว่ามีอาคารรัฐบาลและบ้านเรือนของผู้นำทางการเมืองถูกโจมตีทั่วประเทศ

ตั้งแต่เมื่อคืนวันอังคารที่ 9 กันยายน ที่ผ่านมาและตลอดวานนี้(10ก.ย.)กองทัพทหารเนปาลได้ออกลาดตระเวนตามท้องถนนในกรุงกาฐมาณฑุ ท่ามกลางมาตรการเคอร์ฟิว ที่ประกาศใช้แบบไม่มีกำหนดในเมืองหลวงของเนปาล ถนนสายต่างๆ ในกรุงกาฐมาณฑุ มีรถหุ้มเกราะเฝ้าระวังตามจุดต่าง ร้านค้า และตลาดปิดทำการ ขณะที่รถดับเพลิงก็กำลังปฏิบัติหน้าที่ตามจุดต่างๆ และกระบวนการเคลียร์เส้นทางก็กำลังดำเนินอยู่เช่นกัน

โฆษกกองทัพเนปาลแถลงว่ากองทัพกำลังพยายามทำให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ทหารมุ่งมั่นที่จะปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเมื่อวานนี้ไม่มีรายงานการประท้วงในเมืองหลวง แต่สื่อท้องถิ่นระบุว่า มีผู้ที่พยายามสร้างความวุ่นวายบริเวณชานเมืองกาฐมาณฑุ ประมาณ 25 คนถูกจับกุม

ส่วนบริเวณรอบอาคารรัฐสภาเต็มไปด้วยซากรถที่ถูกเผาไหม้และเศษเหล็กที่บิดเบี้ยวหลังจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของกองทัพพยายามดับเพลิงที่โถงหลักของอาคารรัฐสภา ขณะที่ตัวอาคารด้านนอก มีร่องรอยการถูกไฟไหม้จากการที่ผู้ประท้วงจุดไฟเผาเมื่อวันอังคาร (9 ก.ย.)

เหตุการณ์ความไม่สงบครั้งนี้ถือเป็นความวุ่นวายที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปีของเนปาล มีชนวนเหตุมาจากการสั่งห้ามใช้โซเชียลมีเดียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งแม้จะมีการยกเลิกคำสั่งในภายหลัง แต่การประท้วงยังคงดำเนินต่อไปและลุกลามรุนแรง

มีผู้เสียชีวิต 19 ราย เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา(8 ก.ย.)เนื่องจากตำรวจใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางเพื่อควบคุมฝูงชน ส่วนเมื่อวานนี้ มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ราย รวม 22 ราย ในจำนวนนี้คาดว่ารวมถึง นางราชยาลักษมี จิตราการ ภริยาของ จฮาลานาธ คานาล อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกผู้ประท้วงขังไว้ในบ้าน ก่อนจุดไฟเผา ทำให้นางจิตราการถูกไฟคลอกอาการสาหัส และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล นอกจากนี้รัฐมนตรีคลังคนปัจจุบันก็ถูกผู้ประท้วงรุมทำร้ายร่างกายด้วยเช่นกัน มียอดบาดเจ็บนับร้อยราย

ขณะที่อาคารของรัฐบาลหลายแห่ง ตั้งแต่ศาลฎีกา รัฐสภาไปจนถึงบ้านพักของรัฐมนตรี รวมถึงบ้านพักส่วนตัวของนายโอลิ ถูกเผาทำลายในระหว่าการประท้วงเมื่อวันอังคาร โดยสถานการณ์เพิ่งจะสงบลงหลังจากที่นายโอลิประกาศลาออก

มีรายงานในสื่อท้องถิ่นว่า ขณะนี้กำลังมีการเตรียมการเพื่อให้เจ้าหน้าที่และผู้ประท้วงได้เจรจากัน แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจน นายบาลาแรม เคซี อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้เรียกร้องให้ผู้ประท้วงจัดตั้งทีมเจรจา โดยให้กองทัพช่วยรักษาความสงบเรียบร้อย และเรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่

ด้านคณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงของอินเดีย จัดการประชุมเมื่อค่ำวันอังคารเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้าน นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ของอินเดีย โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X ในเวลาต่อมาว่า เสถียรภาพ สันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเนปาล มีความสำคัญสูงสุด เขาขอเรียกร้องต่อชาวเนปาลทุกคนให้รักษาความสงบเรียบร้อย

เนปาลซึ่งตั้งอยู่ระหว่างอินเดียและจีน ต้องเผชิญกับความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจมาตั้งแต่มีการล้มเลิกระบอบกษัตริย์จากการประท้วงในปี 2008 หลายปีที่ผ่านมาเกิดการประท้วงต่อต้านรัฐบาลหลายครั้ง แต่การประท้วงหนนี้ถือว่ารุนแรงและนองเลือดมากที่สุดของเนปาลในรอบหลายสิบปี

ผู้ประท้วงส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวที่แสดงความไม่พอใจต่อสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า ความล้มเหลวของรัฐบาลในการแก้ปัญหาการทุจริตและการส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจ ปัญหาการว่างงานและไม่มีงานให้ทำเป็นสาเหตุให้คนหนุ่มสาวชาวเนปาลหลายล้านคนต้องเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ เช่นมาเลเซีย ตะวันออกกลาง และเกาหลีใต้ โดยส่วนใหญ่ทำงานในไซต์ก่อสร้าง เพื่อส่งเงินกลับบ้าน

นอกจากนี้ กลุ่มคนรุ่นใหม่ในเนปาลยังคับข้องใจเกี่ยวกับปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นที่หมักหมมยาวนานในรัฐบาล และไม่พอใจบรรดา nepo kid หรือบรรดาอภิสิทธิ์ชน ลูกท่านหลานเธอ กลุ่มลูกคุณหนูผู้มีอำนาจ ที่ใช้ชีวิตหรูหราสะดวกสบาย ขณะที่ผู้คนในประเทศส่วนใหญ่ยังยากลำบาก ความไม่พอใจรุนแรงขึ้นเมื่อรัฐบาลปิดกั้นการเข้าถึงแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ถึง 26 แพลตฟอร์ม ตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว

โดยให้เหตุผลว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้ไม่ยอมลงทะเบียนภายในกำหนดเวลาเพื่อป้องกันการใช้สื่อออนไลน์เผยแพร่ข่าวปลอม คำพูดที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังและถูกใช้เป็นช่องทางฉ้อโกงออนไลน์ แต่ผู้ประท้วงมองว่ารัฐบาลต้องการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน โดยก่อนที่จะปิดกั้นนั้น ผู้ใช้งานกลายแพลตฟอร์มได้แชร์ภาพการใช้ชีวิตหรูหราของครอบครัวนักการเมืองและข้าราชการที่ทุจริตว่อนในสื่อออนไลน์

นักวิเคราะห์มองว่าสถานการณ์ในเนปาลตอนนี้เข้าขั้นอันตราย เพราะกำลังเกิดสุญญากาศทางการเมืองเนื่องจากนายกรัฐมนตรีเพิ่งลาออกและดูเหมือนไม่มีผู้นำรัฐบาล อีกทั้งยังไม่แน่ชัดว่ากลุ่มผู้ประท้วงจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไปเนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีข้อเรียกร้องชัดเจน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top