12 กันยายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า 'นายชาอีร์ โบลโซนาโร' (Jair Bolsonaro) อดีตประธานาธิบดีบราซิล ถูกศาลลงโทษจำคุกเป็นเวลา 27 ปี 3 เดือน หลังจากที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานวางแผนก่อรัฐประหารเพื่อให้ตนเองอยู่ในอำนาจต่อไปหลังพ่ายแพ้การเลือกตั้งในปี 2022

คำพิพากษาลงโทษของคณะผู้พิพากษาศาลฎีกาของบราซิลจำนวน 5 ท่าน ซึ่งมีมติเห็นพ้องต้องกันในบทลงโทษด้วย ส่งผลให้'นายชาอีร์ โบลโซนาโร' ในวัย 70 ปี กลายเป็นอดีตประธานาธิบดีคนแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานทำลายประชาธิปไตย ในขณะเดียวกันยังสร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับนายโบลโซนาโรด้วย

ผู้พิพากษาคาร์เมน ลูเซีย กล่าวว่ามีหลักฐานเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่านายโบลโซนาโร ซึ่งปัจจุบันถูกกักบริเวณในบ้านพัก พยายามกระทำ โดยมีเป้าหมายเพื่อบ่อนทำลายประชาธิปไตยและสถาบันต่างๆ

คณะผู้พิพากษาสี่ในห้าคนลงคะแนนให้ตัดสินว่าอดีตประธานาธิบดีมีความผิดใน 5 ข้อหา ได้แก่ การมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมติดอาวุธ พยายามใช้ความรุนแรงเพื่อล้มล้างประชาธิปไตย, จัดตั้งการรัฐประหาร และทำลายทรัพย์สินของรัฐบาลและทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่ได้รับการคุ้มครอง

'โดนัลด์ ทรัมป์' ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของนายโบลโซนาโร ได้เรียกคดีนี้ว่าเป็นการล่าแม่มดและเพื่อเป็นการตอบโต้ สหรัฐได้ขึ้นภาษี คว่ำบาตรผู้พิพากษาที่รับผิดชอบในคดีนี้ และเพิกถอนวีซ่าเข้าสหรัฐของผู้พิพากษาศาลสูงสุดส่วนใหญ่ เมื่อนายทรัมป์ถูกถามเกี่ยวกับคำตัดสินนี้ ผู้นำสหรัฐกล่าวชื่นชมโบลโซนาโรอีกครั้ง โดยเรียกคำตัดสินนี้ว่าเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากและกล่าวเสริมว่าเขาคิดว่ามันไม่ดีต่อบราซิลเลย

ส่วน'มาร์โก รูบิโอ' รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า ศาลได้ตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม และกล่าวเสริมว่าสหรัฐจะตอบโต้อย่างเหมาะสมต่อการความเคลื่อนไหวครั้งนี้ ในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของบราซิลได้ออกแถลงการณ์ว่าความคิดเห็นของนายรูบิโอเป็นการข่มขู่ที่ คุกคามอำนาจของบราซิลและไม่สนใจข้อเท็จจริงและหลักฐานที่น่าเชื่อถือ พร้อมระบุว่า ประชาธิปไตยของบราซิลจะไม่ถูกข่มขู่โดยสหรัฐ

คำตัดสินนี้ไม่ได้เป็นเอกฉันท์ โดยผู้พิพากษา 'หลุยซ์ ฟุกซ์' ได้ตัดสินให้ยกฟ้องอดีตประธานาธิบดีในทุกข้อหา และตั้งคำถามถึงอำนาจศาลในการพิจารณาคดีนี้ การตัดสินของเสียงเดียวนี้อาจเปิดช่องให้มีการคัดค้านคำตัดสินได้ ซึ่งอาจทำให้การพิจารณาคดีสิ้นสุดลงใกล้กับช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนตุลาคม 2026

โดย 'นายชาอีร์ โบลโซนาโร' ได้กล่าวซ้ำหลายครั้งว่าเขาจะเป็นผู้สมัครในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น แม้ว่าเขาจะถูกห้ามไม่ให้ลงสมัครรับตำแหน่งก็ตาม โดยทางทนายความของโบลโซนาโรกล่าวในแถลงการณ์ว่าจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินต่อไป