18 กันยายน 2568 สำนักข่าวเฟรชนิวส์ (Fresh News) ของกัมพูชา เผยแพร่แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชา โดย พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า วันที่ 17 กันยายน 2568 เวลา 15.30 น. กองกำลังผสมจากฝ่ายไทย ประกอบด้วยหน่วยลาดตระเวนชายแดน เจ้าหน้าที่กึ่งทหาร ทหารในเครื่องแบบสีดำ ตำรวจ และชาวบ้านกกกจง รวมประมาณ 300 คน พร้อมอาวุธและอุปกรณ์ควบคุมจลาจลหลากหลายชนิด รวมถึงหนังสติ๊กยาง ได้บุกเข้าไปในหมู่บ้านเปรยจัน ตำบลโอเบจฌอร์น อำเภอโอชรอว จังหวัดบันเตียเมียนเจย
แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชา โดย พลโท มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า วันที่ 17 กันยายน 2568 เวลา 15.30 น. กองกำลังผสมจากฝ่ายไทย ประกอบด้วยหน่วยลาดตระเวนชายแดน เจ้าหน้าที่กึ่งทหาร ทหารในเครื่องแบบสีดำ ตำรวจ และชาวบ้านกกกจง รวมประมาณ 300 คน พร้อมอาวุธและอุปกรณ์ควบคุมจลาจลหลากหลายชนิด รวมถึงหนังสติ๊กยาง ได้บุกเข้าไปในหมู่บ้านเปรยจัน ตำบลโอเบจฌอร์น อำเภอโอชรอว จังหวัดบันเตียเมียนเจย
อ้างว่า เมื่อเวลา 16.20 น. ของวันเดียวกัน กองกำลังผสมของไทยได้ใช้อุปกรณ์เสียงระยะไกล และยิงแก๊สน้ำตาใส่พลเรือนและเจ้าหน้าที่ชาวกัมพูชา เหตุการณ์เกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาที หลังจากที่กองกำลัง IOT นำโดยมาเลเซียเพิ่งออกจากพื้นที่ หมู่บ้านเปรยจัน ตำบลโอเบยชอร์น อำเภอโอชรอฟ เวลา 13.57 น.
พลโทมาลีกล่าวว่า ระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าว กองกำลังไทยได้ใช้ความรุนแรงต่อพลเรือนชาวกัมพูชา โดยใช้อุปกรณ์ต่างๆ เข้าสลายฝูงชน และยิงหนังสติ๊กบรรจุลูกปืน ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงต่อแก้วหูของพลเรือน และส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทสมองอย่างรุนแรง ส่งผลให้มีประชาชน 28 คน รวมถึงพลเรือน พระภิกษุสงฆ์ หมดสติ และได้รับบาดเจ็บสาหัสและบาดเจ็บเล็กน้อย
พลโทมาลี ระบุว่า เวลา 19.22 น. กองกำลังติดอาวุธระหว่างประเทศ (IOT) นำโดยมาเลเซียได้เดินทางกลับเข้าตรวจสอบพื้นที่หมู่บ้านเปรยจันอีกครั้ง การกระทำของกองทัพไทยถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและข้อตกลงที่ได้ทำไว้ก่อนหน้านี้ในการประชุม GBC และ RBC ยิ่งไปกว่านั้น “ประเทศไทยกำลังบังคับใช้กฎอัยการศึกและกฎหมายภายในประเทศในดินแดนกัมพูชา” ซึ่งเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยและกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชาอย่างร้ายแรง ซึ่งรวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติ กฎบัตรอาเซียน สนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหลักการทางกฎหมายอื่นๆ ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
กระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาขอย้ำว่า ในการตอบสนองต่อการกระทำดังกล่าวข้างต้นของกองทัพไทย เจ้าของที่ดินชาวกัมพูชา และชาวบ้านในพื้นที่อื่นๆ ล้วนมีแรงจูงใจจากความกังวลอย่างลึกซึ้ง ต่อรั้วลวดหนามของกองทัพไทย ที่ปิดกั้นอธิปไตยของกัมพูชา และความมุ่งมั่นในการปกป้องทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้การครอบครองตามกฎหมายของพวกเขามาเป็นเวลาหลายปี
ในเหตุการณ์ดังกล่าว กองกำลังกัมพูชาของเราและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่มีอาวุธและประจำการอยู่ในพื้นที่ ได้เข้าร่วมด้วยเพื่อดูแลความปลอดภัยของพลเมืองกัมพูชา ทั้งกองกำลังและเจ้าหน้าที่ของเรา ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นมืออาชีพและความรับผิดชอบสูง พวกเขายึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิงที่ทั้งสองฝ่ายบรรลุร่วมกันอย่างเคร่งครัด และมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหานี้โดยสันติและสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ
ในเรื่องนี้ กัมพูชาขอเรียกร้องให้ประเทศไทยเคารพเจตนารมณ์ของการหยุดยิง ผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปกัมพูชา-ไทย (GBC) และการประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาคกัมพูชา-ไทย (RBC) ซึ่งจัดขึ้นอย่างประสบความสำเร็จต่อเนื่องมาโดยตลอดนับตั้งแต่การหยุดยิงมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เวลา 24 ชั่วโมง (ตามเวลาท้องถิ่น) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บันทึกการประชุมพิเศษ GBC กัมพูชา-ไทย ครั้งที่ 1 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 ณ จังหวัดเกาะกง ซึ่งระบุว่าทั้งสองฝ่ายควรหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจยกระดับความตึงเครียดหรือขยายขอบเขตของข้อพิพาท
นอกจากนี้ ตามเจตนารมณ์ของการประชุมพิเศษว่าด้วยเขตแดนกัมพูชา-ไทย (GBC) ครั้งที่ 1 ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องกันว่า ประเด็นอื่นๆ ที่เหลืออยู่นอกเหนืออำนาจของหน่วยงานชายแดนและหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น ควรนำเสนอต่อคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) เพื่อหารือและหาข้อยุติตามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลกัมพูชาและรัฐบาลไทยว่าด้วยการสำรวจและกำหนดเขตแดนทางบก (MOU 2000)
ขณะเดียวกัน กัมพูชาขอเรียกร้องให้ไทยหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจเพิ่มความตึงเครียดหรือขยายขอบเขตของข้อพิพาท และพยายามสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติตามการหยุดยิงอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงข้อตกลงทั้งหมดที่ทั้งสองฝ่ายบรรลุในการประชุมของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค (RBC) ด้วยความสอดคล้องและหนักแน่น
ในโอกาสนี้ กัมพูชาขอยืนยันพันธสัญญาที่จะร่วมมือกับไทยในทุกระดับ เพื่อส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนาเพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศและประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี