7 ตุลาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หนุ่มสิงคโปร์วัย 22 ปี ได้ออกมาโพสต์ภาพลงในสตอรีไอจีส่วนตัว ขณะที่เที่ยวบินไปอาบูดาบี จากสนามบินชางงี ของสิงคโปร์ โดยมีข้อความว่า "ไม่มีใครรู้ว่าผมกำลังจะระเบิดเครื่องบิน"

ซึ่งต่อมาหลังจากที่  META ได้รับการแจ้งเตือนของโพสต์ดังกล่าว เที่ยวบินดังก่าวถูกเรียกกลับไปยังอาคารผู้โดยสาร 2 ของสนามบิน และเลทไปมากกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง และหลังจากนั้นได้มีการสอบสวนเด็กหนุ่มวัย 22 คนดังกล่าว ซึ่งเขาบอกว่า "เขาแค่ล้อเล่น" 

ตามเอกสารของศาล ระบุว่า  ตำรวจได้รับรายงานจากสมาชิกทีมบังคับการใช้กฎหมายของ META ถึงโพสต์ดังกล่าว โดยได้ระบุเบอร์มือถือและที่อยู่ไอพีของหนุ่มวัย22 ด้วย หลังจากนั้น ตำรวจได้ติดตามข้อความไปจนถึงเขา และ ยืนยันว่าเขาอยู่บนเครื่องบินของสายการบินเอทิฮัดแอร์เวย์ ที่กำลังมุ่งหน้าไปที่อาบูดาบี ซึ่งกำลังวิ่งอยู่บนรันเวย์ ที่สนามบินชางงีในขณะนั้น จากนั้น ตำรวจจึงเรียกเครื่องบินกลับไปยังอาคารผู้โดยสาร 2 ก่อนจะเทคออฟ และ เขาถูกพาตัวออกจากเครื่องบินเพื่อตรวจค้นกระเป๋าเดินทาง

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบชื่อเด็กหนุ่มวัย 22 ปีว่า 'นายอาซิม ชาห์ บิน อาบูบาการ์ ชาห์' โดยเจ้าหน้าที่พบว่าเขาไม่มีวิธีการที่จะทำตามคำขู่ได้ เนื่องจากไม่พบสิ่งของคุกคามใดๆ อยู่ในครอบครอง เขาสารภาพว่าได้โพสต์สตอรี่จริง แต่บอกว่าเป็นเรื่องล้อเล่น ทั้งนี้มีเพื่อนเพียง 16 คน เท่านั้นที่เข้าไปดูสตอรี่ของเขา และเขาได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายและได้รับการประกันตัวจากนั้นไม่นาน แต่การกระทำของเขาทำให้เที่ยวบินล่าช้าไปถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง กระทบผู้โดยสารหลายร้อยชีวิต 

ซึ่งสายการบินเอทิฮัด ยังต้องจ่ายค่าปรับที่ล่าช้าอีก 1,750 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 43,000 บาท ต่อมาทางศาลได้ตัดสินเขาในข้อหาการสื่อสาร ข่มขู่ ที่อาจทำให้เกิดความตื่นตระหนก อัยการได้เรียกร้องค่าปรับ 4,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 100,000 บาท  โดยให้เหตุผลว่า การกระทำของเขาก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรง 

อัยการกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวรวมถึงการสร้างความไม่สะดวกให้กับลูกเรือ และ ผู้โดยสารท่านอื่นๆ ค่าธรรมเนียมเที่ยวบินล่าช้า และทรัพยากรที่ใช้ในการติดตามตัวเขา และ ตรวจสอบภัยคุกคามจากระเบิด อัยการระบุว่า ผู้ต้องหามียังอายุค่อนข้างน้อย ไม่มีประวัติอาชญากรรม และ โพสต์ดังกล่าวเป็นการล้อเล่น เพื่อบรรเทาโทษ ทนายความของอาซิม ขอเป็นค่าปรับ 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 25,000 บาท โดยระบุว่า รู้สึกสำนึกผิดต่อการกระทำของตน ทั้งนี้ ผู้พิพากษาได้ปรับอาซิมเป็นเงิน 3,500 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 87,000 บาท