เปิดการวิจัยและพัฒนา ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ระดับคลินิก เพื่อประเมินบทบาทในการ ‘ช่วยเลิกสูบบุหรี่’

เปิดการวิจัยและพัฒนา ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ระดับคลินิก เพื่อประเมินบทบาทในการ ‘ช่วยเลิกสูบบุหรี่’

วันศุกร์ ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 14.35 น.
Tag :

แพทย์หญิงนอร่า ดี. โวลโคว์ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติว่าด้วยการใช้ยาเสพติด สหรัฐอเมริกา (NIDA) หน่วยงานในสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการสนับสนุนงานวิจัยที่จะศึกษาผลการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเป็นตัวช่วยในการเลิกบุหรี่ว่า เป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อศึกษาผลกระทบระยะยาวจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งของหน่วยงานด้านสาธารณสุขที่จะเปิดทางให้ผู้สูบบุหรี่มีทางเลือกที่อันตรายน้อยกว่าผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบเผาไหม้ที่เป็นอันตราย และการใช้บุหรี่ไฟฟ้าอาจเป็นทางเลือกหนึ่ง 

นับตั้งแต่เทคโนโลยีบุหรี่ไฟฟ้าถือกำเนิดขึ้นเมื่อกว่าสองทศวรรษก่อน การนำส่งนิโคตินผ่านไอละอองนำมาซึ่งปัญหาด้านสาธารณสุข อุปกรณ์ที่วางจำหน่ายทั่วไปได้รับการปรับแต่งให้สามารถส่งนิโคตินได้อย่างคุ้มค่าที่สุด และการผสมผสานนิโคตินกับรสชาติต่าง ๆ ยังอาจดึงดูดผู้บริโภคอย่างเด็กและเยาวชนได้ ซึ่งทำให้เปลี่ยนจากการทดลองใช้เเป็นการใช้งานที่มากขึ้น มีหลักฐานว่าการเริ่มใช้บุหรี่ไฟฟ้าในช่วงวัยรุ่นอาจเป็นก้าวสำคัญสู่การสูบบุหรี่และการใช้ยาเสพติดอื่น


ในทางกลับกัน มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพที่เลวร้ายเมื่อเทียบกับบุหรี่แบบเผาไหม้ สามารถช่วยให้เลิกบุหรี่ได้ง่ายขึ้น และเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าสำหรับผู้สูบบุหรี่ที่สามารถเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์เหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์ แม้ว่าคณะทำงานพิเศษเพื่อการป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (US Preventive Services Task Force) ระบุว่าหลักฐานในปัจจุบันยังไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการแนะนำให้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อการเลิกบุหรี่ แต่มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (Randomized Controlled Trials) มว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพในการช่วยเลิกบุหรี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อให้ใช้เพื่อการรักษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

การทบทวนงานวิจัยอย่างเป็นระบบของ Cochrane ในปี 2024 แนะนำว่าบุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคตินสามารถช่วยให้ผู้คนเลิกสูบบุหรี่ได้อย่างน้อย 6 เดือน และให้ผลดีกว่าการบำบัดด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์นิโคตินทดแทน (NRT) ในขณะที่ American Society of Addiction Medicine ถือว่าการเปลี่ยนจากบุหรี่มวนแบบเผาไหม้มาเป็นบุหรี่ไฟฟ้าเป็นแนวทางหนึ่งในการลดอันตรายที่มาจากการใช้ยาสูบแบบเผาไหม้โ และระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของสหราชอาณาจักร (NHS) แนะนำบุหรี่ไฟฟ้าเป็นตัวช่วยเลิกบุหรี่

แม้ว่าองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) จะอนุญาตให้จำหน่ายและทำการตลาดอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า 39 รายการในฐานะผลิตภัณฑ์ยาสูบสำหรับผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา แต่บุหรี่ไฟฟ้ายังไม่ได้รับการอนุมัติให้ใช้สำหรับการบำบัดเพื่อเลิกบุหรี่ และจนถึงปีที่แล้ว FDA ก็ยังไม่ได้รับคำขอเพื่ออนุมัติด้วยวัตถุประสงค์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การพัฒนาบุหรี่ไฟฟ้าที่ได้รับการรับรองจาก FDA สำหรับการเลิกบุหรี่ จะช่วยลดภาระด้านสาธารณสุขจากการบริโภคยาสูบแบบดั้งเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การนำบุหรี่ไฟฟ้ามาใช้ในการการเลิกบุหรี่จะช่วยรับประกันได้ว่ามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การได้รับการอนุมัติจาก FDA จะสามารถช่วยให้ผู้จ่ายเงินประกันสุขภาพได้รับเงินคืน ซึ่งจะช่วยขยายการเข้า นอกจากนี้ การเลิกสูบบุหรี่เป็นประเด็นที่ FDA ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ผู้ขอรับการอนุมัติอาจมีสิทธิ์ได้รับการพิจารณาภายใต้โครงการที่เร่งด่วนนี้ ทำให้โครงการนี้เป็นกระบวนการพัฒนายาที่น่าสนใจ

ปัจจุบัน การเลิกบุหรี่เป็นเป้าหมายหลักของการศึกษาที่องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ยอมรับในการประเมินผลิตภัณฑ์เพื่อการเลิกบุหรี่ และขณะนี้สถาบันแห่งชาติว่าด้วยการใช้ยาเสพติด สหรัฐอเมริกา (NIDA) กำลังให้ทุนสนับสนุนการวิจัยที่ศึกษาผลของการใช้บุหรี่ไฟฟ้าต่อการเลิกบุหรี่ หนึ่งในนั้นคือการทดลองบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ให้ความร้อน (ซึ่งก่อให้เกิดสารพิษน้อยกว่าบุหรี่มวน) เทียบกับการใช้ผลิตภัณฑ์นิโคตินทดแทนในผู้สูบบุหรี่ที่เคยเลิกบุหรี่ด้วยวิธีดั้งเดิมแต่ทำไม่ได้ นอกจากนี้ NIDA ยังให้ทุนสนับสนุนการทดลองทางคลินิกแบบสุ่มหลายรายการเกี่ยวกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นตัวช่วยเลิกบุหรี่สำหรับผู้ที่กำลังรักษาอาการติดสารโอปิออยด์และผู้ที่มีความผิดปกติจากการใช้ยาเสพติดชนิดอื่น ๆ ผู้ที่ติดแอลกอฮอล์หรือยาเสพติดชนิดอื่นๆ จำนวนมากก็สูบบุหรี่เช่นกัน มีหลักฐานว่าการเลิกสูบบุหรี่สัมพันธ์กับการฟื้นฟูจากอาการติดสารเสพติดชนิดอื่นๆ

เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่งมีวางจำหน่ายในปี 2007 จึงมีข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจากการใช้ในระยะยาวอย่างจำกัด ซึ่งเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ควรศึกษาวิจัย ด้วยเหตุนี้ สถาบันแห่งชาติว่าด้วยการใช้ยาเสพติด (NIDA) จึงให้ทุนสนับสนุนการวิจัยเปรียบเทียบการสะสม การดูดซึม และการสะสมของนิโคตินในสมองจากบุหรี่ไฟฟ้ากับบุหรี่แบบดั้งเดิม รวมถึงการศึกษาเปรียบเทียบการได้รับนิโคตินและสารพิษ และตัวบ่งชี้ทางชีวภาพด้านสุขภาพในผู้ที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้า เทียบกับผู้สูบบุหรี่แบบดั้งเดิม

การสร้างความปลอดภัยและประสิทธิผลเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนายาและการรักษาอื่นๆ มียาเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่ไม่มีความเสี่ยงหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้น อย่างน้อยก็สำหรับผู้ป่วยบางกลุ่ม เช่นเดียวกัน ผลลัพธ์อันเลวร้ายของการบริโภคยาสูบแบบเผาไหม้ เรียกร้องให้เราใช้ทุกวิถีทางที่มีอยู่เพื่อเบี่ยงเบนผู้สูบบุหรี่ไปสู่ทางเลือกอื่นที่เป็นอันตรายน้อยกว่า หากไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้อย่างสมบูรณ์ การพัฒนาบุหรี่ไฟฟ้าอาจเป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว

ที่มา https://nida.nih.gov/about-nida/noras-blog/2025/09/toward-development-of-e-cigarettes-as-smoking-cessation-therapeutics

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top