8 พฤศจิกายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า 'อียิปต์' ได้เปิดพิพิธภัณฑ์อียิปต์ (Grand Egyptian Museum - GEM) อย่างเป็นทางการ โดยใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 20 ปี บนพื้นที่กว่า 500,000 ตารางเมตร หรือเทียบเท่าสนามฟุตบอล 94 แห่ง ถือเป็นพิพิธภัณฑ์โบราณคดีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่รวบรวมวัตถุโบราณกว่า 100,000 ชิ้น ครอบคลุมอารยธรรมอียิปต์ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์เมื่อ 700,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช จนถึงยุคโรมัน

พิพิธภัณฑ์ใช้งบประมาณกว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย ราว 4.5 หมื่นล้านบาท ภายนอกตกแต่งด้วยอักษรไฮโรกลิฟิกและรูปทรงเรขาคณิตแบบพีระมิด ภายในโถงใหญ่ประดับด้วยรูปปั้น รามเสสที่ 2 สูง 11 เมตร อายุราว 3,200 ปี ตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรืองของอียิปต์

พิพิธภัณฑ์อียิปต์ ตั้งอยู่ระหว่าง พีระมิดกิซา และกรุงไคโร จุดเด่นภายในคือ Grand Staircase บันไดขนาดใหญ่ที่พาผู้เข้าชมเดินตามลำดับอารยธรรมกว่า 7,000 ปี พร้อมทัศนียภาพพีระมิดที่มองเห็นได้จากชั้นบนสุด พิพิธภัณฑ์อียิปต์ ออกแบบโดยบริษัทเฮเนแกน เพ็ง อาร์คิเท็กส์ (Heneghan Peng Architects) จากไอร์แลนด์ ด้วยสถาปัตยกรรมล้ำสมัยที่ผสานสัญลักษณ์แห่งอียิปต์โบราณเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ล่าสุด เช่น ระบบ AR และ 3D Mapping ช่วยให้ผู้ชมสามารถสำรวจยุคสมัยต่างๆ ได้เสมือนเดินทางย้อนเวลา และมีเจ้าหน้าที่บูรณะวัตถุโบราณชาวอียิปต์นับพันคนทำงานด้วยระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นอัจฉริยะ เพื่อรักษาวัตถุอายุนับพันปีไม่ให้เสื่อมสลาย

ในพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ มีการเผยโฉมห้องจัดแสดงใหม่ของ ฟาโรห์ตุตันคาเมน ที่รวบรวมของใช้ส่วนพระองค์กว่า 5,300 ชิ้น จากสุสานที่ค้นพบเมื่อร้อยปีก่อน มาแสดงร่วมกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ รวมถึง เรือศพ อายุ 4,500 ปีของฟาโรห์คูฟู (Khufu) ที่ได้รับการบูรณะอย่างสมบูรณ์ด้วยเทคโนโลยีอนุรักษ์ขั้นสูง โดยหนึ่งในสมบัติล้ำค่าที่สุดของพิพิธภัณฑ์คือ "หน้ากากทองคำของฟาโรห์ตุตันคาเมน" ที่ทำจากทองคำแท้ทั้งชิ้น สัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของอารยธรรมอียิปต์ และตัวแทนการผสานอดีตกับอนาคตอย่างสง่างาม

โดยทางรัฐบาลอียิปต์ยังวางเป้าหมายใช้พิพิธภัณฑ์นี้ผลักดันการท่องเที่ยวให้แตะ 30 ล้านคนต่อปีภายในปี 2030 โดยอาศัยพลังของเทคโนโลยี นวัตกรรม และมรดกทางวัฒนธรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ