วันอังคาร ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2568
16 ธันวาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร ประกาศให้ 'เฟนทานิล' (FENTANYL) ถือเป็น "อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง" ในประเภทเดียวกับอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธเคมี
โดยเนื้อหาตอนหนึ่งในคำสั่งระบุว่า "เฟนทานิลที่มีการจัดการอย่างผิดกฎหมาย มีความใกล้เคียงกับอาวุธเคมีมากกว่ายาเสพติด" การผลิตและการจัดจำหน่ายเฟนทานิลในลักษณะดังกล่าว "คุกคามความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ และกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมไร้กฎหมายในภูมิภาคอเมริกา และตามแนวชายแดนของสหรัฐ"
ปธน.สหรัฐ กล่าวต่ออีกว่า จากข้อมูลรายงานว่า 'เฟนทานิล' (FENTANYL) คร่าชีวิตผู้คนปีละ 200,000-300,000 รายทุกปี ซึ่งเป็นอานุภาพที่ไม่มีระเบิดชนิดใดทำได้ ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของสหรัฐ (ซีดีซี) ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาดในประเทศประมาณ 80,000 ราย เมื่อปี 2567 ในจำนวนนี้ราว 48,000 ราย เป็นผลจากการใช้สารสังเคราะห์โอปิออยด์ ซึ่งรวมถึงเฟนทานิล
ขั้นตอนสำคัญนี้เป็นการปลดปล่อยเครื่องมือทุกอย่างเพื่อต่อสู้กับแก๊งค้ายาและเครือข่ายต่างชาติที่รับผิดชอบในการนำสารอันตรายนี้เข้าสู่ชุมชน ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งในหมู่ชาวอเมริกันอายุ 18-45 ปี
เฟนทานิล คือ ยาแก้ปวด ที่หมอชาวเบลเยียมคิดค้นขึ้นในปี 1960 เพื่อใช้สำหรับการผ่าตัด โดยความล้ำสมัยของเฟนทานิลในเวลานั้นก็คือมันเป็น ฝิ่นสังเคราะห์ ที่สร้างจากห้องแล็บชนิดแรก โดยที่ไม่ต้องใช้พืชใดๆ ก็สามารถสกัดสารเคมีที่ทำงานเหมือนสารเคมีในฝิ่นได้ และเนื่องจากมันถูกสังเคราะห์ขึ้น อิทธิฤทธิ์ของมันจึงแรงมาก โดยในตอนนั้นมันคือยาตระกูลแก้ปวดที่แรงที่สุดในโลก แรงกว่าสารสกัดจากฝิ่นอย่างเฮโรอีน 50 เท่า และแรงกว่ามอร์ฟีน 100 เท่า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี