แพทย์ผิวหนังเตือนสาวๆ ที่เมคอัพหรือแต่งหน้าจัดหนักทุกวัน หากไม่ดูแลปกป้องผิวหน้าเป็นอย่างดีแล้ว อาจเสี่ยงต่อการสะสมสารเคมีในร่างกายถึงปีละ 2กิโลกรัม เพราะในเครื่องสำอางมีสารเคมีเป็นส่วนประกอบ ซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดปกติเกี่ยวกับผิว ความผิดปกติด้านฮอร์โมน หรือแม้กระทั่งก่อให้เกิดมะเร็งได้
ดร.โทนี่ หรือ นายแพทย์วรพล สุขีวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า ในการแต่งหน้าแต่ละครั้ง ผิวหนังสามารถซึมซับสารเคมีจากเครื่องสำอางเข้าสู่ร่างกายได้ถึง 60% อันเป็นสาเหตุเบื้องต้นของผิวหน้าหมองคล้ำ มีริ้วรอยเหี่ยวย่น เนื่องจากผิวหน้าได้รับออกซิเจนน้อยลง ทำให้เซลล์เสื่อม และดูมีอายุก่อนวัย ถึงแม้จะมีการทำความสะอาดเป็นอย่างดีก่อนนอนก็ตาม ดังนั้น ยิ่งผู้หญิงยิ่งแต่งหน้าหนามากเท่าไหร่ จะยิ่งสุ่มเสี่ยงต่อการดูแก่ก่อนวัยและผิวหมองคล้ำมากขึ้นเท่านั้น จึงไม่ควรใช้สำอางมากชนิด ควรใช้แต่พอควรและรีบล้างออกทันทีเมื่อหมดวัน หากทิ้งไว้อาจเป็นต้นกำเนิดของแบคทีเรียต่างๆ ทำให้เกิดการอุดตัน เป็นที่มาของผื่นแพ้และเป็นสิว
“แต่ที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงปัญหาผิวหนังที่เกิดขึ้นทันทีหรือในระยะสั้นเท่านั้น แต่ในระยะยาวผิวหนังใบหน้าของคุณผู้หญิงจะซึมซับสารเคมีจากเครื่องสำอางทุกชนิด เฉลี่ยปีละเกือบ 2 กิโลกรัม ในขณะที่เอนไซม์ในน้ำลายและน้ำย่อยจากกระเพาะอาหารอาจทำลายสารเคมีในลิปสติกได้ แต่ถ้าเป็นเครื่องสำอางที่ซึมซับผ่านทางผิวหนังและทางกระแสเลือดนั้นไม่สามารถป้องกันได้เลยและจะไปสะสมที่ตับ เมื่อร่างกายไม่สามารถกำจัดออกทางผิวหนังและการขับถ่ายได้ จึงเป็นสาเหตุของผดผื่น ซึ่งเป็นผลจากการขับพิษตามธรรมชาติออกจากร่างกายทางหนึ่ง
ดังนั้น ให้สาวๆ ผู้รักสวยรักงามต้องหันมาใส่ใจและเลือกซื้อเครื่องสำอางกันมากขึ้น โดยให้ความใส่ใจกับส่วนผสมต่างๆ เพราะสารบางตัวนั้นเป็นต้นเหตุของมะเร็ง บางตัวมีผลทำให้ฮอร์โมนผู้หญิงลดลง ประจำเดือนหมดเร็ว”
ดร.โทนี่กล่าวด้วยว่า ในการเลือกซื้อเครื่องสำอาง สิ่งที่สาวๆ ควรใส่ใจว่าสีสันของเครื่องสำอางนั้นเหมาะกับสีผิว ไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือไม่แล้ว สาวๆ ควรจะคำนึงถึงสารเคมีที่เป็นส่วนผสมอยู่ในเครื่องสำอางด้วย ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อควรตรวจสอบว่าเครื่องสำอางนั้นมีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกายหรือไม่ ซึ่งหลักๆ มี 5 ชนิดด้วยกัน ประกอบด้วย 5 อันดับต้นๆ ของสารเคมีที่มีอันตรายต่อร่างกาย
นายแพทย์วรพล สุขีวัฒนา
เริ่มที่ พาราเบน (Paraben) คือสารกันเสียที่นิยมใช้อย่างมากในกลุ่มเครื่องสำอางจำพวกผิวหนัง ครีมบำรุงผิวหน้า ครีมทำความสะอาด รวมถึงผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นหรือโรลออน เนื่องจากราคาถูกจึงถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในรูปของเมธิลพาราเบน (Methylparaben) และ เอธิลพาราเบน (Ethylparaben) มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย สารเคมีตัวนี้สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและกระแสเลือดได้อย่างรวดเร็วและง่ายต่อการสะสมในร่างกาย หลายองค์กรจึงรณรงค์ให้หลีกเลี่ยงการใช้พาราเบนที่พบว่าเสี่ยงต่อการระคายเคืองผิว อาจขัดขวางการทำงานของต่อมไร้ท่อ ทำให้มีความผิดปกติด้านฮอร์โมน (Hormone imbalance) และอาจเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม
ทาล (Talc) เป็นสารเคมีอีกหนึ่งชนิดที่สามารถทำให้เกิดมะเร็งได้ โดยเฉพาะถ้าใช้แหล่งวัตถุดิบไม่ดีอาจเกิด การปนเปื้อนของสารชนิดที่เรียกว่า Asbestos แต่ต้องได้รับเป็นจำนวนมากจึงส่งผลร้ายต่อร่างกายได้ ทาลเป็นส่วนประกอบสำคัญที่พบมากที่สุดในเครื่องสำอางประเภทแป้งตลับ อายแชโดว์ชนิดฝุ่นหรือพวกบลัชออน เป็นต้น โดยทำหน้าที่เป็นสารช่วยหล่อลื่น ทำให้รู้สึกลื่นเมื่อสัมผัส ไม่จับตัวเป็นก้อน
Petroleum Derivative เป็นสารเคมีที่ได้มาจากการแยกน้ำมันปิโตรเลียม และถูกนำไปเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางหลายประเภท อาทิ ครีมรองพื้น โฟมล้างหน้า ครีมบำรุงผิว เพื่อทำหน้าที่เก็บกักความชุ่มชื่นผิวโดยการเคลือบผิวไว้ แต่ด้วยความที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่และผ่านกรรมวิธีทางเคมี จึงอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง ผิวอุดตันและเกิดสิวได้ และหากสะสมในประมาณมากพอสมควรอาจเสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพของผิว ทำให้ฮอร์โมนและภูมิคุ้มกันในเพศหญิงอ่อนแอ
สารตะกั่ว (Lead) อาจจะปนเปื้อนมาจากการสกัดส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง เป็นสารต้องห้าม เนื่องจากหากดูดซึมเข้าสู่ร่างกายจะก่อให้เกิดอาการปวดบิดในท้องอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ ร่วมกับอาการท้องผูกหรือถ่ายเป็นเลือด อาจมีอาการซีด อ่อนแรง เนื่องจากเม็ดเลือดแดงถูกทำลายเร็วขึ้น และลดอัตราการสร้างเม็ดเลือดแดง ระบบประสาททั่วร่างกายผิดปกติ กฎหมายกำหนดไว้ว่าอาจพบสารตะกั่วได้ในอัตราส่วนไม่เกิน 20 ส่วน ในล้านส่วนโดยน้ำหนัก หากพบว่าผลิตภัณฑ์ใดมีสารตะกั่วเกินกว่านี้ จะเข้าข่ายเป็นเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัย
สารปรอท (Mercury) เป็นสารที่ทำให้เกิดอาการการแพ้หรือระคายเคืองได้อย่างรุนแรง อันตรายต่อระบบ ทางเดินปัสสาวะ ทำให้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ และไตอักเสบมักพบในเครื่องสำอางที่ทำให้สีผิวจาง ลดสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำ ที่ไม่ได้มาตรฐาน สารปรอทสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น สูดดมเข้าทางปอด หรือถูกดูดซึมผ่านทางลำไส้เล็กหากมีการกลืนกินเข้าไป แม้แต่การทาที่ผิวหนังสารปรอทก็จะถูกดูดซึมเข้าไปสะสมในร่างกาย
ดร.โทนี่ ทิ้งท้ายว่า ทางที่ดีที่สุดคือหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่มีสารจำพวกนี้ ใช้เครื่องสำอางพอควรไม่มากชนิด และควรทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจดทุกครั้ง หรือหากเลี่ยงไม่ได้ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่สามารถป้องกันการซึมเข้าผิวของสารเคมีชนิดต่างๆ (Chemical protective shield) จะสามารถปกป้องผิวจากสารเคมีในเครื่องสำอาง ทำให้ผิวดูกระจ่างใสและลดอัตราเสี่ยงต่อโรคร้ายต่างๆ ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี