วันเสาร์ ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
ภูมิบ้านภูมิเมือง : วัดบุปผาราม ภูมิภักดีของขุนนางสกุล ‘บุนนาค’

ภูมิบ้านภูมิเมือง : วัดบุปผาราม ภูมิภักดีของขุนนางสกุล ‘บุนนาค’

วันอาทิตย์ ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2558, 06.00 น.
Tag :
  •  

วิหาร-วัดบุปผาราม

จากอ่าวไทยขึ้นมาตามแม่นํ้าเจ้าพระยาสายเดิมที่คดเคี้ยวเลี้ยวลดนั้น นอกจากเป็นเส้นทางนํ้าทะเลขึ้นมาถึงสวนบางกอกแล้ว สายนํ้านี้ยังถูกใช้เป็นเส้นทางเดินเรือไป-มาแต่โบราณ ครั้นกรุงศรีอยุธยาตั้งเป็นราชธานี เส้นทางในคลองก็ถูกใช้เป็นทางเข้าออกของเรือสินค้าขนาดใหญ่ ทำให้พื้นที่สวนบางกอกได้กลายเป็นชุมชนใหญ่มีการสร้างวัดอยู่ตามริมแม่นํ้าเดิมหลายวัด ต่อมาได้มีการตั้งเมืองธนบุรีศรีสมุทรทำหน้าที่ด่านขนอนคอยเก็บค่าผ่านเรือสินค้าเข้า-ออก จึงทำให้เมืองธนบุรีศรีสมุทรเป็นเมืองใหญ่จึงมีการสร้างวัดมากขึ้น การสู้รบในยามสงครามนั้นผู้คนได้พากันหนีข้าศึกแตกพลัดกระจัดกระจายจนวัดถูกทิ้งร้างไปต่อเมื่อมีกรุงธนบุรีในพ.ศ.2311 และกรุงรัตนโกสินทร์ในพ.ศ.2325 วัดร้างหลายวัดจึงได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์และสร้างใหม่ขึ้น หนึ่งในวัดที่น่าสนใจนี้คือ วัดดอกไม้ เป็นวัดโบราณสร้างมาแต่สมัยอยุธยาด้วยพบเศียรพระพุทธรูปสมัยอยุธยาทำด้วยศิลาทรายแดง

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ)


วัดนี้อยู่ริมแม่นํ้าเจ้าพระยา ถนนอิสรภาพฯ ในสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุวงศ์ (ดิศ ) พาคนในตระกูลบุนนาค มาตั้งถิ่นฐานอยู่บ้านสวนฝั่งธนบุรีแล้ว ท่านผู้หญิงจันทร์ ภรรยาของเจ้าคุณสมเด็จเจ้าพระยาฯ ได้ปฏิสังขรณ์วัดร้างนั้นขึ้นใหม่ด้วยเป็นวัดอยู่ใกล้บ้าน ต่อมา จมื่นไวยวรนาถ ต่อมาเป็นเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง) กับจมื่นราชามาตย์ ต่อมาเป็นเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ ) ผู้เป็นบุตรชายนั้น ได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ต่อจนเสร็จครบถ้วน ครั้งนั้นพระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎได้พระราชทานทรัพย์ช่วยปฏิสังขรณ์วัดนี้ไว้ด้วย คณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกายนั้นมีขอบเขตอยู่เพียงวัดบวรนิเวศวิหาร และวัดราชาธิวาสวิหาร จึงเท่ากับทรงแยกสาขาออกไปยังวัดบุปผาราม อีกวัดหนึ่ง ในระยะแรกนั้นเรียกว่า “ออกวัดใหม่”  การสร้างถาวรวัตถุของวัดนั้นได้สร้างพระอุโบสถ พระวิหาร ศาลาการเปรียญ กุฏิตึกโบราณ 2 ชั้น และชั้นเดียว และกำแพงวัด ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างวัดขึ้นใหม่ทั้งหมด ด้วยวัดเก่านั้นถูกทิ้งร้างจนทรุดโทรมมากเกินที่จะปฏิสังขรณ์ไว้ได้ การปฏิสังขรณ์นี้ได้ทำให้ เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ผู้ปฏิสังขรณ์ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎจนเป็นที่สนิทสนมคุ้นเคย จนภายหลังได้กลายเป็นกำลังสำคัญในการอัญเชิญพระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎขึ้นครองราชย์ตอนปลายรัชกาลที่ 3

เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์

วัดใหม่นี้เมื่อสร้างเรียบร้อยแล้ว เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง) จึงได้กราบทูลขอคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกายจากพระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎ (รัชกาลที่ 4) และได้ถวายวัดเป็นพระอารามหลวง ครั้งนั้นได้โปรดพระราชทานนามวัดนี้ว่า “วัดบุปผาราม” ส่วนคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกายที่พระราชทานมาครองวัดครั้งนั้น มีพระอมรโมลี (นพ พุทธิสัณหเถระ) เป็นประธานคณะสงฆ์ ต่อมาภายหลังเจ้าพระยาภาณุวงศ์ (ท้วม บุนนาค) และทายาทสายสกุล บุนนาค ได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้ตลอดมาเช่นเดียวกับวัดประยุรวงศาวาส เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 วันที่ 5มิถุนายน พ.ศ.2487 วัดบุปผารามได้ถูกระเบิดทำลาย ทำให้พระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิตึกโบราณ และกำแพงวัด ได้รับความเสียหายยากแก่การซ่อมแซมพระธรรมวราลังการ (กล่อม อนุภาสเถระ) ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสในขณะนั้น ดำเนินการก่อสร้างพระอุโบสถ ศาลาเปรียญกุฏิ และกำแพงวัดขึ้นมาใหม่ โดยรักษารูปแบบเดิมของพระอุโบสถเก่าไว้ แต่มีลักษณะสถาปัตยกรรมประยุกต์ศิลปไทยกับจีน อันเป็นพระราชนิยมในรัชกาลที่ 3 คงเหลือวิหารเก่าที่สร้างหน้าบันเป็นปูนปั้นลายดอกไม้ มีตราสุริยมณฑลแบบไทยคือตราราชสีห์เทียมรถอันเป็นตราของสมเด็จเจ้าพระยาประยุรวงศ์อยู่ตรงกลาง ซุ้มประตูหน้าต่างนั้นประดับด้วยลายปูนปั้นปิดทองประดับกระจก บานประตูหน้าต่างด้านนอกเป็นลายตราสุริยมณฑลแบบฝรั่ง คือตรารูปพระอาทิตย์ที่ประภามณฑลล้อมรอบ ซึ่งเป็นตราประจำตัวสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ส่วนภายในนั้นสร้างฐานชุกชีประดิษฐานหมู่พระพุทธรูป มีพระพุทธชินราชจำลองเป็นพระประธาน ฝาผนังเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังโดยแบ่งด้านบนเป็นเรื่องทศชาติ สำหรับช่องประตูหน้าต่างนั้นเขียนลายรดนํ้ามีโคลงสุภาษิตโลกนิติกำกับ 21 ภาพ บานประตูหน้าต่างด้านในเขียนเป็นภาพโต๊ะหมู่บูชาหลายแบบ แต่กรอบซุ้มประตูซุ้มหน้าต่างด้านนอกนั้นหากสังเกตส่วนยอดจะเห็นตราสุริยมณฑลนั้นอยู่ใต้มหามงกุฎเหมือนกับจะบอกให้รับรู้ถึงบุคคลในตระกูลนี้ได้ถวายความจงรักภักดีต่อราชวงศ์ไว้อย่างมั่นคงมาก่อนแล้ว

อุโบสถหลังใหม่ที่สร้างแทนคราวถูกระเบิดตัวอย่างเหรียญทอง

หน้าบันตราสุริยมณฑล

เศียรพระพุทธรูปศิลาแดงสมัยอยุธยา

ภาพเขียนเรือนใหญ่ของสมเด็จเจ้าพระยา

พระประธานวัดบุปผาราม

ตราสุริยมณฑลแบบฝรั่ง

ตรามงกุฎเหนือสุริยมณฑล

จิตรกรรมฝาผนังวัดบุปผาราม

การเรียนรู้จากวัดบุปผาราม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'อาชีวะ'โชว์พลังซอฟต์พาวเวอร์ ดันงานวิจัยและนวัตกรรมสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์

'เจ้าชายแฮร์รี'เสด็จเยือนยูเครน เดินหน้าช่วยเหลือทหารบาดเจ็บ

'จเรตำรวจ'เร่งสืบสวน ชายสูงวัยถูกหลอกเทรดหุ้น สูญเงินเกือบ 40 ล้าน

เชิญเที่ยวงานรำลึกพระยาไกรภักดี ประเพณีแซนโฎนตา บูชาหลักเมือง ลือเลื่องกล้วยแสนหวี

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved